“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพร ผู้นำ 5 ศาสนา

เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 26 มิถุนายน 2566 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดให้กระทรวงกระทรวงวัฒนธรรมนำผู้นำองค์การทางศาสนา ทั้ง 5 ศาสนา เฝ้าถวายสักการะและถวายพระพร วันที่ 13 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. โดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมนำผู้แทนองค์การทางศาสนาเข้าเฝ้าถวายสักการะและถวายพระพร พร้อมด้วยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ณ พระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

นายอิทธิพล คุณปลื้มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กราบทูลขอประทานพระอนุญาตให้ผู้นำองค์การทางศาสนาพุทธ องค์การทางศาสนาอิสลาม องค์การทางศาสนาคริสต์ องค์การทางศาสนาพราหมณ์- ฮินดู และองค์การทางศาสนาซิกข์ อ่านสารถวายพระพรแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยต่างมีความปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสแสดงความสำนึกในพระกรุณาคุณเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์ต่อพระศาสนา ประเทศชาติ และปวงชนชาวไทยเป็นอเนกประการ โดยมีผู้แทนองค์การทางศาสนาทั้ง 5 ศาสนา จำนวน 15 องค์การ ร่วมเฝ้าถวายสักการะและถวายพระพร

ในการนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานพรความว่า “…อาตมภาพขออนุโมทนาสาธุการ และรับความปรารถนาดีที่ท่านมีให้ เนื่องในโอกาสที่มีอายุแปดรอบนักษัตร ด้วยความชื่นชมยินดี และขอสนองน้ำใจไมตรีนั้นนั้นแด่ท่านทั้งหลายด้วยดุจเดียวกัน เราทั้งหลายได้อาศัยพื้นแผ่นดินไทยเป็นที่พึ่งพำนัก ให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอด ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ผู้ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกผู้พระราชทานอารักขา และด้วยอานุภาพแห่งสามัคคีธรรม ตลอดจนเมตตาทำของชนทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติทุกศาสนา ได้มีต่อกันอย่างเนิ่นนาน ท่านทั้งหลายเป็นผู้นำทางศาสนาย่อมมีบทบาทสำคัญในการที่จะรักษา และเชิดชูเอกลักษณ์อันดีงามของสังคมไทยให้ยั่งยืนสถาพรอย่างมั่นคง เพื่อให้ชาติบ้านเมืองของเรา ยังดำรงเกียรติภูมิแห่งความเป็นสยามเมืองยิ้มเป็นแผ่นดินทำแผ่นดินทอง เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ในการที่จะสามารถปฏิบัติตนตามหลักศาสนา และลัทธิความเชื่อ ที่แต่ละบุคคลนับถือโดยได้โดยเสรีสมกับที่ชาวโลกต่างนิยมยกย่องกล่าวขวัญเสมอมา ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอฝากให้ท่านผู้นำทางศาสนาช่วยกันใช้กุศโลบายอันชาญฉลาด ตามวิธีการและบริบทที่เหมาะสมของศาสนาและชุมชนของท่าน เร่งปลูกฝังสั่งสมเอกลักษณ์อันดีงามของชาติ และคุณธรรมจริยธรรมทางศาสนา ให้บังเกิดมีและงอกงามขึ้นในหมู่เยาวชนคนรุ่นต่อๆไป ขออนุโมทนาสาธุการในมุทิตาจิต ที่ทุกท่านมีต่ออาตมภาพอีกครั้งหนึ่ง และขอสนองพร กับทั้งความปรารถนาดีทั้งนั้น ให้ท่านมีสรรพกำลังพรั่งพร้อม ในอันที่จะปฏิบัติบริหารภารกิจ เพื่อจรรโลงสังคมไทยและเพิ่มพูนสันติสุขในหมู่มวลมนุษยชาติ ให้รุ่งเรืองยิ่งยิ่งขึ้นไป…”

ผู้นำองค์การทางศาสนาทั้งปวงต่างได้น้อมนำแนวพระดำริของพระองค์มาประพฤติปฏิบัติในการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของศาสนิกชนทุกศาสนา ให้มีความมั่นคงด้วยสามัคคีธรรม เพื่อให้ทุกศาสนาในสังคมไทยได้ทำกิจกรรมร่วมกัน อันเป็นการเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ สืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ที่มีความสามัคคี และร่มเย็นด้วยศาสนา ที่แต่ละศาสนิกน้อมนำปฏิบัติและสืบทอดได้อย่างเข็มแข็ง