กทท. มอบ 3 ล้านบาท สนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศล เนื่องในโอกาสครบรอบ 72 ปี

การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนาครบ 6 รอบ 72 ปี มอบเงินบริจาคสาธารณกุศล 3 ล้านบาท พร้อมแจงผลประกอบการรอบ 6 เดือน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.41% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจุบันเดินหน้าสานต่อโครงการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ ก้าวต่อไปมุ่งสร้างกำไรเชิงเศรษฐศาสตร์และสังคมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 นายปริญญา แสงสุวรรณ ประธานกรรมการ กทท. ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนา กทท. ครบรอบ 72 ปี โดยได้มอบเงินสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศล เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,000,000 บาท ให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สมาคมคาทอลิคแห่งประเทศไทย มัสยิดอินดารุลมีนา ชมรมผู้สูงอายุของ กทท. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของ กทท. และนอกจากนี้ยังมอบเงินจำนวน 50,000 บาท บริจาคให้แก่วัดคลองเตยนอก เพื่อนำไปสนับสนุน “โครงการปันน้ำใจให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง” และ “โครงการช่วยเหลือศพอนาถาในเขตคลองเตย” พร้อมเชิญชวนหน่วยงานภายนอกร่วมสมทบทุนให้แก่วัดคลองเตยนอกแทนการมอบกระเช้าแสดงความยินดีอีกด้วย

ในการนี้มีคณะกรรมการ กทท. นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. คณะผู้บริหาร กทท. และพนักงาน กทท. หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้บริการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้นำชุมชน ผู้เช่าพื้นที่ ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมในพิธีฯ ณ PAT Arena

กทท. เป็นรัฐวิสาหกิจสาธารณูปการภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม มีบทบาทในการสนับสนุนเศรษฐกิจในฐานะการเป็นประตูการค้าหลักและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการให้บริการด้านโลจิสติกส์และบริหารจัดการท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สำหรับแนวนโยบายของ กทท. หลังจากนี้จะนำร่องด้วยการมุ่งพัฒนา 3T ประกอบด้วย การลดปัญหาการจราจรติดขัด (Traffic) ควบคู่ไปกับการสนับสนุนธุรกิจการขนส่งสินค้าถ่ายลำ (Transshipment) และสินค้าผ่านแดน (Transit) เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งสินค้าและระบบโลจิสติกส์ทั้งภายในและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ได้ชูนโยบายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมท่าเรือสีเขียวตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาท่าเรือสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งขณะนี้ท่าเรือกรุงเทพได้มีการนำรถยกไฟฟ้า (Electric Forklift) จำนวนหนึ่งมาใช้ปฏิบัติงาน พร้อมกับการพัฒนาพื้นที่ 90 ไร่ บริเวณท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นจุดพักรถบรรทุก (Truck Parking) เพื่อลดปัญหาการจราจรทั้งภายในและภายนอกท่าเรือ นอกจากนี้ได้ดำเนินโครงการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องและวัดผลได้ อาทิ โครงการมอบทุนการศึกษายั่งยืนของ กทท. โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ของชาวชุมชนโดยรอบ กทท. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โครงการสร้างฝาย “ฅน…เก็บน้ำให้แผ่นดิน” และโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โครงการปลูกป่าชายเลนและอนุรักษ์ป่าบริเวณโดยรอบท่าเรือระนองและท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ซึ่งถือได้ว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดในการทำกำไรเชิงเศรษฐศาสตร์และสังคมเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืน

สำหรับโครงการต่างๆ ที่ยังสานต่ออีกหลายโครงการ ได้แก่ การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ การขับเคลื่อนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในจังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมา เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ การศึกษาโมเดล Super Port การร่วมมือกับท่าเรือเอกชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการพัฒนา Land Bridge เชื่อมสองฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามันที่จังหวัดระนองและชุมพรให้เป็นรูปธรรม รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรือ แหลมฉบังระยะที่ 3 ซึ่งความคืบหน้าขณะนี้ ในส่วนที่ 1 ส่วนงานก่อสร้างทางทะเล ได้ทำการปรับแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการประกวดราคาอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ยื่นข้อเสนอผ่านคุณสมบัติเพียงรายเดียว คาดว่าจะสามารถได้ผู้รับจ้างภายในเดือนกันยายนนี้ และงานส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาเครื่องมือเครื่องจักร และติดตั้งระบบ IT อยู่ระหว่างการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) เพื่อเร่งดำเนินการประกวดราคาต่อไป อย่างไรก็ตาม กทท. ได้มีการติดตาม กำกับ เร่งรัด และผลักดันการก่อสร้างโครงการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การพัฒนาโครงการฯ เป็นไปตามกรอบระยะเวลาของสัญญา

ด้านผลประกอบการ กทท. ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566) พบว่าผลการดำเนินงานของ กทท. มีเรือเทียบท่าที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง รวม 6,928 เที่ยว ลดลง 5% สินค้าผ่านท่า 55.97 ล้านตัน ลดลง 2.4% และตู้สินค้าผ่านท่า 4.81 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 3.3% เนื่องจากเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศปี 2566 ขยายตัวต่ำกว่าปีก่อนหน้าทั้งการนำเข้าและส่งออก ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและจีน มีการเติบโตต่ำกว่าคาด และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่สถิติปริมาณสินค้ารถยนต์ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ปีงบประมาณ 2563-2566 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง เดือนตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566 อยู่ที่ 792,225 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า 25% คาดว่าตลอดทั้งปีจะมีปริมาณการขนส่งรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคัน ซึ่งจะเป็นสถิติที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ เป็นผลจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ขณะนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับความนิยมจากผู้บริโภค

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ายอดการขนส่งสินค้าจะลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ กทท. ยังมีรายได้จากการประกอบการในส่วนอื่นๆ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานด้านการเงินของ กทท. ระยะเวลา 6 เดือน มีรายได้สุทธิ 7,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.12% กำไรสุทธิ 3,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.41% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยตลอดปีงบประมาณ 2566 ตั้งเป้ากำไรประมาณ 6,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 72 ปี นอกจากนี้ กทท. ยังเป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้นำส่งรัฐสูงสุด 10 อันดับแรก ซึ่งปัจจุบัน กทท. นำเงินส่งรัฐ 70% ของกำไรสุทธิเพื่อคำนวนนำส่งรัฐ โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา กทท. นำเงินส่งรัฐ ทั้งสิ้น 4,879 ล้านบาท และในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง (ปี 2555 – 2565) กทท. นำเงินส่งรัฐไม่น้อยกว่า 48,300 ล้านบาท เพื่อเป็นรายได้นำส่งแผ่นดิน อันเป็นกลไกในการช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการคลังของประเทศต่อไป