วันที่ 5 เมษายน 2566 เวลา 10.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) และกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) จัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “สร้างสุข ทุกพื้นที่ปลอดภัย เพื่อผู้สูงวัยและครอบครัว” โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ประจําปี 2566 ได้แก่ โล่รางวัลผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม (ระดับจังหวัด) โล่รางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2566 (นายประยงค์ รณรงค์) รางวัลครอบครัวร่มเย็น หน่วยงาน และองค์กรที่สนับสนุนการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุและครอบครัว รางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณแก่บุคคล หน่วยงาน และองค์กรที่สนับสนุนการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุและครอบครัว และรางวัลผู้ชนะการประกวดคลิปวิดีโอ “ต่างยุค ต่างวัย หัวใจผูกกัน”
นอกจากนี้ มีการเปิดตัวระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม (Emergency Social Services: ESS) ผ่าน Line OA “ESS Help Me” โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) คณะผู้บริหารกระทรวง พม. นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม รวมทั้งสถาบันการศึกษา ประชาชนทั่วไป และสื่อมวลชน จำนวนทั้งสิ้น 1,500 คน เข้าร่วมงาน ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B ชั้น 2) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
นายจุติ กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีครอบครัวประมาณ 28.18 ล้านครัวเรือน ซึ่งเป็นสถาบันพื้นฐานของสังคมในการพัฒนาคนและสังคม และมีผู้สูงอายุกว่า 12 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 19.22 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณค่าและเป็นภูมิปัญญาของสังคม แต่ด้วยผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ในขณะที่อัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลง สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ระบุว่าในปี 2571 สังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัวและผู้สูงอายุ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2525 กำหนดให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปีเป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และมีมติเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 กำหนดให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งครอบครัว” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน หน่วยงาน และองค์กร ตระหนักถึงความสําคัญของผู้สูงอายุและครอบครัว และบูรณาการความร่วมมือกันในการส่งเสริมและพัฒนา
โดย กระทรวง พม. ได้จัดงานที่เกี่ยวเนื่องกับ “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด สำหรับปี 2566 กระทรวง พม. โดย สค. และ ผส. ได้จัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ภายใต้แนวคิด “สร้างสุข ทุกพื้นที่ปลอดภัย เพื่อผู้สูงวัยและครอบครัว” โดยมุ่งเน้นให้สังคมร่วมสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัยและครอบครัว ทั้งที่ “บ้าน” ที่มุ่งเน้นการสร้างสัมพันธภาพเชิงบวก ครอบครัวอบอุ่น ไร้ความรุนแรง “สถานศึกษา” ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย “สถานที่ทำงาน” ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการดูแลสวัสดิการและสร้างสุขภาวะที่ดีให้สมาชิกในครอบครัวที่จำเป็นต้องทำงานนอกบ้าน และ “พื้นที่สาธารณะ” ที่มุ่งเน้นการทำให้ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง สมาชิกในครอบครัวก็จะมีความอยู่ดีมีสุข
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ มีการเปิดตัวระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม (Emergency Social Services: ESS) อย่างเป็นทางการ ผ่าน Line OA “ESS Help Me” “ปักหมุด หยุดเหตุ” อย่างเป็นทางการ เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวง พม. กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา และภาคีเครือข่าย เพื่อเป็นช่องทางในการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคมในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ที่สามารถแชร์พิกัดจุดเกิดเหตุในระบบ ทำให้ทีมสหวิชาชีพเดินทางไปช่วยเหลือยังจุดเกิดเหตุได้อย่างทันท่วงที เพิ่มความปลอดภัยให้แก่ทุกครอบครัว ลดการเกิดเหตุรุนแรง การบาดเจ็บและเสียชีวิตได้
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ เวที Ted Talk “สร้างสุข ทุกพื้นที่ปลอดภัย เพื่อผู้สูงวัยและครอบครัว” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ศูนย์รังสิตด้านกายภาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คุณหมอสมชัย และคุณณัฐรดา สุขสุธรรมวงศ์ คู่รักดาว TikTok สายสตรองวัย 60+ และคุณย่ากระต่าย คนดัง TikTok ช่อง “รุงรัง Diary” การแสดง “มโนรา ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้” โดย นายธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ศิลปินแห่งชาติประจำปี 2564 วีดิทัศน์ “สร้างสุข ทุกพื้นที่ปลอดภัย เพื่อผู้สูงวัย และครอบครัว” เวทีเสวนา “นโยบายสาธารณะเพื่อการขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ” โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และการจัดบูธนิทรรศการความร่วมมือของภาคีเครือข่ายกว่า 70 บูธ