นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิดไตรภาคีศิลปวัฒนธรรม ของ กมธ. การศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
มีคำสั่งให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะจากรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวของ กมธ. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสรุปผลในภาพรวม เพื่อนำเสนอ ครม.
นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแล้ว เห็นด้วยกับภาพรวมของรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรม ของ กมธ. และมีความเห็นเพิ่มเติมในประเด็น
1) รูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรม
2) แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการเข้ามามีส่วนร่วมในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ประโยชน์
3) ผลกระทบจากการนำทุนวัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคมมาใช้ประโยชน์ผ่านการเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรม
4) ผลการทบทวน วิเคราะห์ กฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรม
สำหรับข้อเสนอแนะในการแก้ไขและเพิ่มเติมร่างกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นสรุปประเด็น ดังนี้
1) ภาครัฐควรเป็นเจ้าภาพหลักในการเพิ่มความเข้มแข็งของกลไกไตรภาคีศิลปวัฒนธรรมระดับพื้นที่
2) กรมสรรพากร ควรเพิ่มแรงจูงใจทางภาษีเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม และสนับสนุนงบประมาณให้กับการขับเคลื่อนไตรภาคีศิลปวัฒนธรรมระดับพื้นที่มากยิ่งขึ้น
3) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ควรกำหนดแนวทาง การบริการชุมชนให้มหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางฐานข้อมูลสารสนเทศ ทำการวิจัยและพัฒนาต่อยอด พัฒนาพื้นที่แห่งการเรียนรู้ประเพณีวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์ตลอดจนส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวัฒนธรรม ผู้ประกอบการวัฒนธรรม หรือการบริการทางวัฒนธรรมผ่านหน่วยงาน
4) ควรมีการพิจารณาแก้ไขกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. เทศบาล อบต.) ร่วมดำเนินการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนาและใช้ประโยชน์จากทุนทางวัฒนธรรมของประชาชนท้องถิ่นและเมือง รวมทั้งในพื้นที่โบราณสถานได้โดยสะดวก
นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1) การส่งเสริมกิจกรรมด้านศาสนาของทุกศาสนา
2) การขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 – 2565)
3) การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และเปิดพื้นที่กิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม
4) การสร้างสรรค์อัตลักษณ์วัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
5) การปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและการบริการอนาคต เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โดยขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยสื่อสัญญาณสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (Fiber Optic)
6) การจัดทำแผนระดับที่ 3 เพื่อสนับสนุนรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรม
7) การสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนมรดกทางวัฒนธรรม ที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
8) การขับเคลื่อนแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2566 – 2570