ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) จากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ จากประเทศอังกฤษ (NCA : National Crime Agency) ให้ทำการสืบสวน กรณี ขบวนการโจรกรรมรถยนต์ราคาสูงจากประเทศอังกฤษ 35 คัน และนำเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีราคาที่ประเทศอังกฤษ ประมาณ 2,400,000 ปอนด์สเตอร์ลิง เทียบเงินไทยมากกว่า 100 ล้านบาท โดยได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 78/2561 นั้น
เนื่องจากคดีดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นคดีที่กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญ ตรงตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน จึงได้เร่งรัดติดตามการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้มาโดยตลอด รวมถึงการเร่งรัดการติดตามรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมทั้ง 35 คัน ดังกล่าวมาเป็นของกลางในคดี เพื่อนำส่งให้กับเจ้าของที่แท้จริงที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถติดตามยึดรถยนต์มาเป็นของกลางได้แล้ว 27 คัน
ต่อมา ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 พันตำรวจโท อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีว่าด้วยการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและคดีว่าด้วยการเล่นแชร์ พันตำรวจโท นิรุติ พัฒนรัฐ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นโชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ Porsche รุ่น Cayenne จำนวน 1 คัน และเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ได้นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ MINI Cooper ได้อีก 1 คัน ซึ่งทั้งสองคันดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่มียี่ห้อ รุ่น หมายเลขตัวรถ และหมายเลขเครื่องยนต์ ตรงตามบัญชีรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้ ในการตรวจค้นดังกล่าว ได้ชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลความจำเป็นที่ต้องตรวจยึดรถยนต์ทั้งสองคัน ให้ผู้ครอบครองรถยนต์ทราบ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ครอบครองรถเป็นอย่างดีและยินยอมให้ตรวจยึดรถยนต์ทั้งสองคัน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงนำมาเก็บรักษาไว้ที่อาคารจอดรถของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ตามกฎหมายต่อไป จากรถยนต์จำนวน 35 คัน ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้สืบสวนติดตามและยึดรถยนต์มาเป็นของกลางในคดีนี้ได้แล้ว 29 คัน ยังคงเหลืออีก 6 คันที่อยู่ระหว่าง การสืบสวน โดยจะได้เร่งรัดติดตามมาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีพยานหลักฐานว่าผู้ครอบครองรายใด ที่ทราบเหตุแห่งการกระทำความผิดแล้วได้นำรถไปซุกซ่อนหรือทำลาย ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายต่อไป