กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานความร่วมมือกับศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management: AHA Center) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการจัดตั้งคลังสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน (Satellite Warehouse) ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 16 ชัยนาท เพื่อเป็นศูนย์กลางการขยายระบบโลจิสติกส์และเพิ่มศักยภาพการช่วยเหลือและตอบโต้ภัยพิบัติในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะ 4 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม ผ่านโครงข่ายคมนาคมของอาเซียนในเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งเป็นการย้ำจุดยืนของประเทศไทยในการสร้างอาเซียนให้มีความพร้อมจัดการและตอบโต้ภัยพิบัติอย่างเป็นหนึ่งเดียว (One ASEAN, One Response) และก้าวสู่ประชาคมอาเซียนที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติอย่างยั่งยืน
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยในฐานะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2562 ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติในภูมิภาคอาเซียนที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยเวทีการประชุมคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ 28 (The 28th Meeting of The ASEAN Committee on Disaster Management) ได้คัดเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้งคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน (Satellite Warehouse) ภายใต้โครงการระบบการส่งกำลังบำรุงหรือระบบโลจิสติกส์ของการปฏิบัติการด้านการบรรเทาทุกข์และการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติของอาเซียน (Disaster Emergency Logistic System for ASEAN : DELSA) ระยะที่ 2 ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานความร่วมมือกับศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management: AHA Center)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการจัดตั้งคลังสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน (Satellite Warehouse) ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 16 ชัยนาท เพื่อเป็นศูนย์กลางการขยายระบบโลจิสติกส์และเพิ่มศักยภาพการช่วยเหลือและตอบโต้ภัยพิบัติในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสามารถส่งสิ่งของช่วยเหลือไปยัง 4 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนามได้ภายใน 24 ชั่วโมง ผ่านโครงข่ายคมนาคมของอาเซียนในเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ทั้งนี้ การจัดตั้งคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียนในประเทศไทยเป็นโครงการสำคัญภายใต้แผนงานความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่ออาเซียนในการสร้างความเข้มแข็งและเตรียมพร้อมตอบโต้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในภูมิภาค
นายชยพล กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดตั้งคลังสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียนในประเทศไทย ว่า ความร่วมมือจัดตั้ง Satellite Warehouse ในครั้งนี้ เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการร่วมขับเคลื่อนปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเป็นหนึ่งเดียวกันด้านการตอบโต้ภัยพิบัติทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม “ASEAN Declaration on One ASEAN, One Response” รวมถึงเป็นการย้ำจุดยืนของประเทศไทยในวาระที่ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปี พ.ศ. 2562 ที่มีเป้าหมายสำคัญในการมุ่งผลักดันความร่วมมือในการสร้างอาเซียนให้เป็นภูมิภาคที่ “ร่วมมือ ร่วมใจก้าวไกล ยั่งยืน : Advancing Partnership for Sustainability” เพื่อขับเคลื่อนอาเซียนให้มีความพร้อมจัดการและตอบโต้ภัยพิบัติอย่างเป็นหนึ่งเดียว (One ASEAN, One Response) และก้าวสู่ประชาคมอาเซียนที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติอย่างยั่งยืน