นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) มีเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลทั่วประเทศ จำนวน 28,386 คน ซึ่งถือเป็นกลไกเชิงพื้นที่ที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการอนุรักษ์ เฝ้าระวัง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก อีกทั้งรายงานสถานการณ์ต่างๆ อันสะท้อนถึงปัญหาในท้องถิ่นตั้งแต่ผืนป่าชายเลนจนถึงท้องทะเล เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จึงเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกรม ทช. และประชาชนในทุกพื้นที่ ทำให้เกิดผลงานเป็นที่ประจักษ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
โดยทุกวันนี้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งนับวันยิ่งถูกทำลายทั้งจากน้ำมือของมนุษย์และภัยพิบัติทางธรรมชาติ กรม ทช. ได้นำพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 เข้ามามีบทบาทในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้สามารถคงอยู่อย่างยั่งยืนจนถึงชั่วลูกชั่วหลาน
ทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านเครือข่ายภาคประชาชนมาโดยตลอด ผสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้ามามีบทบาทด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกัน ภายใต้นโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ที่เน้นย้ำให้กรม ทช. ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายแบบเป็นหนึ่งใจเดียวกัน ระดมความคิดเห็นและแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานของพี่น้องเครือข่ายในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเครื่องมือ กฎหมาย และระเบียบต่างๆ ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขอย่างสุดขีดความสามารถ
อีกทั้งรับฟังข้อคิดเห็นและนำมาใช้ในการพัฒนาการทำงานด้านเครือข่าย อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้พี่น้องเครือข่ายในแต่ละพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ กรม ทช. ได้มุ่งเน้นหลักของการทำงานอย่างมีความสุขตามนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความสำเร็จอันนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี
นายอภิชัย กล่าวว่า ในวันนี้ (26 มกราคม 2566) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยกองจัดการชุมชนชายฝั่งและเครือข่าย ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จัดประชุมเครือข่ายภาคีชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการจัดประชุมดังกล่าวเป็นนโยบายหลักของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเน้นให้เครือข่ายได้มีเวทีกลางสำหรับการสื่อสารและพัฒนาข้อมูลความรู้ในทางนโยบาย ระเบียบ กฎหมายแก่เครือข่ายภาคีฯ คณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อีกทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดใหม่ เพื่อนำมาปรับใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ สำหรับการประชุมดังกล่าว มีกำหนดจัดขึ้นในพื้นที่ 10 จังหวัดชายฝั่งทะเล
โดยในครั้งนี้ได้เลือกจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นที่แรกของการจัดประชุม และในครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ณ จังหวัดตรัง ในการนี้ ได้มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 นางสาวแสงจันทร์ วายทุกข์ ผู้อำนวยการกองจัดการชุมชนชายฝั่งและเครือข่าย รวมถึงผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมจำนวน 200 คน ณ โรงแรมแก้วสมุยรีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการดำเนินกิจกรรมร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ปัญหาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของกลุ่มชุมชนชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล การอนุรักษ์ฟื้นฟูและป้องกันปราบปรามทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
สุดท้ายนี้ ตนต้องขอบคุณพี่น้องเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทุกคน ที่เป็นกำลังหลักในการช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อันเปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่าของชาติที่พวกเราต้องรักษาคงไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ใช้ประโยชน์ ตลอดจนสร้างการรับรู้และเข้าใจแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเครือข่ายรุ่นจิ๋วอย่างเข้มแข็ง มองเห็นถึงคุณค่าที่สำคัญของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
นอกจากนี้ ตนขอเป็นกำลังใจให้เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลทั่วประเทศ ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนด้วยใจที่แข็งแกร่งและเข้มแข็ง นำพาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ กรม ทช. พร้อมจะเดินหน้าเคียงข่ายพี่น้องภาคีเครือข่าย เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งคอยเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้ในด้านต่างๆ และยกระดับการทำงานร่วมกับประชาชนให้เป็นหนึ่งเดียว อันจะนำไปสู่ความไว้วางใจซึ่งกันและกันต่อไป “นายอภิชัย กล่าวทิ้งท้าย”