ดร. ธวัชชัย อุ่ยพานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ทำความร่วมมือกับมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งเป็น องค์ประธานมูลนิธิฯ ด้วยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีภารกิจหลักคือการจัดการศึกษาวิชาชีพและผลิตกำลังคนระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและให้ได้มาตรฐานระดับสากล พันธกิจสำคัญประการหนึ่งคือ การวิจัย สร้างนวัตกรรม จัดการองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาอาชีพ และคุณภาพชีวิตของประชาชน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง ในการสนับสนุนการดำเนินโครงการมือเทียม เพื่อสมาชิกมูลนิธิสายใจไทย ทั้งนี้ วิทยาลัยการอาชีพแกลง จังหวัดระยอง ได้จัดสร้างและพัฒนามือเทียมเพื่อผู้พิการชนิดมือกล (Bionic Hand) ซึ่งสามารถใช้งานกับผู้พิการทางมือมาระดับหนึ่งแล้ว และสามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น มีความสวยงามเสมือนจริง และมีค่าใช้จ่ายในการประดิษฐ์ลดลง นอกจากนี้ยังมีสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอีกหลายแห่ง ที่มีความพร้อมในการสนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการในการจัดหาและพัฒนามือเทียม สำหรับสมาชิกผู้พิการทางมือให้มีคุณภาพการดำรงชีวิตประจำวันที่ดีขึ้น และหากการพัฒนามือเทียม ได้ผลดีขึ้นแล้วให้กระจายสู่ผู้พิการทางมือทั่วประเทศ ตามพระราโชบายขององค์ประธานมูลนิธิฯ
รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวต่อไปว่า สอศ. ขอขอบคุณผู้บริหารของมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ได้เล็งเห็นประโยชน์ในการพัฒนามือกลสำหรับผู้พิการเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการทางมือให้ดำรงชีวิตประจำวันที่ดีขึ้น และให้โอกาสแก่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการพัฒนามือกลสำหรับผู้พิการในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างประสบการณ์ และการเรียนรู้ในงานวิชาการ การฝึกปฏิบัติ รวมถึงการสร้างงานวิจัย ให้แก่นักศึกษา ครู และบุคลากรอาชีวศึกษา
ด้านพลโท ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์ รองประธานกรรมการมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า เบื้องต้นมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จะเป็นผู้พิจารณา และคัดสรรสมาชิกมูลนิธิฯ กลุ่มผู้พิการทางมือ จำนวน ๕ ราย เพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนามือกล และประสานงานกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเข้าร่วมการพัฒนามือกลกับ สอศ. พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำและพัฒนามือกลสำหรับสมาชิกมูลนิธิฯ โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะได้มีการติดตามเป็นระยะๆ ในการพัฒนา เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามสัญญาภายในเวลา 3 ปี สำหรับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิอื่นใดของผลงานเดิมที่เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดและได้นำมาใช้ในการดำเนินงานโครงการภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ ย่อมเป็นของฝ่ายนั้น ส่วนผลงานวิจัยหรือทรัพย์สินทางปัญญาใดๆ ที่เกิดจากการสนับสนุนงบประมาณของมูลนิธิฯ และ/หรือ กิจกรรมภายใต้การดำเนินงานโครงการตามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ (11 มิถุนายน 2562) ให้ สอศ. เป็นผู้ทรงสิทธิ์ในผลงานวิจัยหรือทรัพย์สินทางปัญญานั้น โดยมีหน้าที่บริหารจัดการผลงานวิจัย หรือทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
/////////////////////////////////////
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สอศ.
11 มิถุนายน 2562