วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ระหว่างกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กับ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และผู้บริหารหน่วยงาน เข้าร่วมที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่ง นายสมศักดิ์ ได้เข้ามาช่วยเหลือ เสมือนเป็นการช่วยชีวิต ที่เสนอตัวส่งผู้ต้องขัง ออกมาทำความสะอาดลอกท่อระบายน้ำ ในช่วงที่กำลังจะเกิดฝนตกหนัก ซึ่งช่วยให้กทม.มีพื้นที่น้ำท่วมขังน้อยลง รวมถึงยังได้รับคำชื่นชมจากประชาชนว่า ผู้ต้องขัง ทำงานลอกท่อระบายน้ำ ได้อย่างเรียบร้อยและเห็นผลชัดเจน โดยหลังจากนี้ ทั้ง 2 หน่วยงาน ก็จะเกิดความร่วมมืออีกหลายด้าน ทั้งการแก้ปัญหายาเสพติด การไกล่เกลี่ยหนี้สิน ซึ่งตนขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความร่วมมือ จนเกิดประโยชน์กับประชาชนเป็นอย่างมาก
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมีความศรัทธานายชัชชาติ มาตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม เพราะตนเคยยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือให้ชาวสุโขทัย ซึ่งก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และยังได้สร้างความประทับใจอีกหลายเรื่อง ส่วนการส่งผู้ต้องขังออกมาลอกท่อนั้น ตนก็มีข้อตกลงให้ว่า ถ้าวันไหน กทม.มีเงินจ้างเราไม่พอ ก็จะทำให้ก่อน หรือ ถ้าเกิดน้ำท่วมเร่งด่วน ก็จะออกมาทำให้ฟรี ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนด้วย แต่ตนก็ขอให้ผู้ว่าฯกทม.จ้าง กรมราชทัณฑ์ ยาว 8 ปีเลย เพราะจะให้กลับมาเป็นอีกสมัย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ เพราะจะเป็นอีกกลไกในการร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชน ที่กำลังประสบปัญหาเกิดข้อพิพาท ซึ่งขอขอบคุณ กรุงเทพมหานคร ที่ได้ร่วมมือกับกรมคุ้มครองสิทธิฯ จัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ย ครบทั้ง 50 เขตแล้ว เพื่อเป็นหน่วยให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท รวมถึงช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม โดยปัจจุบัน กระทรวงยุติธรรม ได้ผลักดันให้เกิดศูนย์ไกล่เกลี่ยทั่วประเทศแล้ว จำนวน 1,237 แห่ง ซึ่งอยู่ในกทม. ถึง 305 แห่ง ดังนั้น การลงนามร่วมกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนเป็นอย่างมาก
จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้หารือร่วมกันนายชัชชาติ ถึงการบริหารงาน ทั้งการส่งเสริมให้ผู้ต้องขัง ลอกท่อระบายน้ำ และการแก้ปัญหายาเสพติด โดยนายสมศักดิ์ ได้ขอให้ผู้ว่าฯกทม. ทำสัญญาจ้างกรมราชทัณฑ์ ให้ยาวขึ้น เพื่อง่ายต่อการบริหาร เพราะถ้ามีการจ้างงานต่อเนื่อง ก็จะทำให้มีเครื่องมือที่พร้อม และถ้าช่วงไหน เกิดน้ำท่วม ตนก็จะให้ผู้ต้องขังออกมาช่วยทันที
นายสมศักดิ์ ยังได้ขอให้ผู้ว่าฯกทม.ช่วยประชาสัมพันธ์กับชาวกทม.เรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดว่า ถ้าใครมีเบาะแสผู้ค้ายาเสพติด ก็ให้แจ้ง ป.ป.ส. 1386 เพื่อช่วยกันปราบปรามยาเสพติด โดยคนที่แจ้งเบาะแส จะได้รับรางวัลนำจับ 5% ของทรัพย์ที่ยึดได้ด้วย ซึ่งในอดีต กว่าจะยึดทรัพย์ได้ ต้องใช้เวลากว่า 8 ปี แต่ปัจจุบันหลังมีกฎหมายใหม่ ใช้เวลาเพียง 1-2 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าทุกคนช่วยกันแจ้ง และนำไปสู่การยึดทรัพย์อีกทาง ก็จะยิ่งช่วยให้ยาเสพติดนั้นหมดไปเร็วยิ่งขึ้น
ขณะที่ นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องลอกท่อระบายน้ำ ไม่มีปัญหา ซึ่งผู้ต้องขังทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่ล้าช้า โดยเวลาทำงาน ก็มักจะมีประชาชน นำอาหารมาให้ เพื่อเป็นการชื่นชม ที่ได้ออกมาทำความดี และช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ส่วนเรื่องยาเสพติด ทาง กทม.ก็มี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็จะเร่งขับเคลื่อนให้ไปในทิศทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายชัชชาติ ได้แซวนายสมศักดิ์ อย่างอารมณ์ดีว่า ขอชักชวนให้มาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.บ้าง หลังเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ทำให้นายสมศักดิ์ ก็ตอบกลับว่า รอนายชัชชาติ ไปตั้งพรรคเป็นนายกฯ แล้วตนจะมาสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.ให้ ซึ่งภายหลังนายสมศักดิ์ ได้ตอบกลับ ก็สร้างเสียงหัวเราะทั้งห้องแถลงข่าว