กรมทางหลวงชนบทจัดประชุมคณะกรรมการร่าง MOU เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

กรมทางหลวงชนบทจัดประชุมคณะกรรมการร่าง MOU เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหาการใกล้สูญพันธุ์ของโลมาอิรวดีบริเวณทะเลสาบสงขลา ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา – อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงแก้ไขปัญหาการใกล้สูญพันธุ์ของโลมาอิรวดีในบริเวณทะเลสาบสงขลาอย่างใกล้ชิด

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีความห่วงใยในปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อกำหนดแนวทางให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมนำสู่การอนุรักษ์ คุ้มครอง และขยายพันธุ์โลมาอิรวดี ตลอดจนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทะเลสาบสงขลาให้เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป

กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาการใกล้สูญพันธุ์ของโลมาอิรวดีบริเวณทะเลสาบสงขลาว่า หลังจากที่กระทรวงคมนาคม (คค.) โดยกรมทางหลวงชนบท
ได้ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อหาแนวทางในการอนุรักษ์ คุ้มครอง และขยายพันธุ์โลมาอิรวดี รวมถึงฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณทะเลสาบสงขลา

โดยที่ประชุมได้มีมติให้จัดตั้งคณะกรรมการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาการใกล้สูญพันธุ์ของโลมาอิรวดีในบริเวณทะเลสาบสงขลา ดังนั้น ทช. จึงได้เร่งผลักดันการร่างบันทึกข้อตกลงฯ (MOU) เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งการประชุมครั้งที่ 1 ได้จัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ณ ห้องประชุมกรมทางหลวงชนบท กรุงเทพฯ และประชุมผ่านระบบ ZOOM โดยมีนายวีรเดช ชีวาพัฒนานุวงศ์ วิศวกรใหญ่ กรมทางหลวงชนบท (ด้านสำรวจและออกแบบ) เป็นประธานในการประชุม ซึ่งมีคณะกรรมการฯ จากหน่วยงานเข้าร่วม อาทิ

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ผศ.ดร.รังสฤษฎ์ อินทรโม จากมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง มีความเห็นร่วมกันว่า คค. และ ทส. จะดำเนินการแบบบูรณาการร่วมเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในบริเวณทะเลสาบสงขลา โดยเฉพาะการใกล้สูญพันธุ์ของโลมาอิรวดี ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ เพื่อรองรับภารกิจหลักของทั้ง 2 ฝ่าย โดยคาดว่าจะจัดให้มีพิธีลงนาม MOU ร่วมกัน ณ บริเวณโครงการก่อสร้างฯ

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมหารือในเรื่องของการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้โลมาอิรวดี ซึ่งกรมทางหลวงชนบทจะดำเนินการจัดออกแบบ/สร้างอาคารศูนย์ฯชั่วคราวเป็นอาคารชั้นเดียว (ฝั่งพัทลุง) โดยจะมีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการศูนย์ฯ ชั่วคราว และในส่วนของกรมประมง จะมีการลาดตระเวนซึ่งมีความถี่ในการลาดตระเวนมากขึ้น เพื่อป้องกันการกระทำความผิด ต่อโลมาอิรวดี รวมถึง ได้มีการกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบต่อโลมาอิรวดี และการกำหนดแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีในอนาคตอีกด้วย อย่างไรก็ตามจะมีการจัดประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เพื่อหาข้อสรุปในการร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) อย่างสมบูรณ์ต่อไป

ในส่วนของกรมทางหลวงชนบทได้กำหนดมาตรการในด้านการก่อสร้างเพื่อป้องกันผลกระทบต่อโลมาอิรวดี คือ ก่อนก่อสร้าง จะทำการศึกษาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและนำผลที่ได้จากการศึกษามาดำเนินการ เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด, ระหว่างการก่อสร้าง สามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์สิ่งแวดล้อมได้ และหลังการก่อสร้าง ทช. จะติดตามทุกมิติเพื่อที่จะพัฒนาประเทศชาติควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

ซึ่งโครงการก่อสร้างฯ มีจุดเริ่มต้นอยู่บริเวณถนน พท.4004 กม.ที่ 3+300 บริเวณ บ้านฝาละมี ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง วางแนวข้ามทะเลสาบสงขลาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เชื่อมต่อกับจุดสิ้นสุดโครงการที่ถนน อบจ. สงขลา บ้านแหลมยาง ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา มีช่วงข้ามทะเลสาบยาว 6.600 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 7 กิโลเมตร เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถพัฒนาโครงข่ายถนนในบริเวณดังกล่าวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สามารถลดระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง และลดระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ปลายปี 2566 และพร้อมเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรได้ภายในปี 2569 ต่อไป