กรมควบคุมโรคเร่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม 608 เด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึง ต่ำกว่า 5 ปี และขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังจากเข้าประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยยังมีทิศทางจำนวนผู้ป่วยลดลง ผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือยังไม่ได้เข็มกระตุ้น ข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด 19 พบว่า การฉีดเข็มกระตุ้นครอบคลุมเพียงร้อยละ 46.5 ทั้งนี้ คณะทำงานศูนย์ประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลวัคซีน กรมควบคุมโรค ได้ติดตามประเมินประสิทธิผลวัคซีน โควิด 19
จากการใช้จริงในประเทศไทย พบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยรุนแรง คือ อาการปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ จาก 60% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 83% และ 100% ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ , ป้องกันการเสียชีวิตจาก 72% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 93% และ 100% ในผู้ทีได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ จากคำแนะนำของอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
จึงมีนโยบายให้ประชาชนทุกคนรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน เพราะเมื่อฉีดวัคซีนไปสักระยะหนึ่ง ภูมิคุ้มกันจะลดลงตามธรรมชาติ การฉีดเข็มกระตุ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยลดการป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้ประชาชนมาฉีดเข็มกระตุ้น หากฉีดเข็มล่าสุดมากกว่า 3-4 เดือนขึ้นไป
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการเร่งรัดการฉีดวัคซีน โดยขยายไปยังทุกกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย จะค้นหาเชิงรุกกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดฉีดเด็กนักเรียนในโรงเรียน กระทรวงแรงงานเร่งรัดในกลุ่มวัยแรงงาน เป็นต้น
และในเดือนนี้จะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กเล็กอายุ 6 เดือนถึงต่ำกว่า 5 ปี จะมีการจัดฉีดวัคซีนเชิงรุกในศูนย์เด็กเล็ก หรือ สถานสงเคราะห์เด็กที่มีโอกาสติดเชื้อและแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน นอกจากนี้ให้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน โดยเน้นกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อยลง ทั้งนี้ ประเทศไทยมีวัคซีนเพียงพอสำหรับคนทุกคน จึงขอความร่วมมือสถานพยาบาลทุกแห่งจัดกิจกรรมรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
โดยเพิ่มช่องทางบริการ Walk in หรือมีหน่วยฉีดเชิงรุก เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการฉีดวัคซีนได้ง่ายและพร้อมกัน ซึ่งจะส่งผลเพิ่มความครอบคลุมวัคซีนได้เร็วยิ่งขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสายด่วนกรมควบคุมโรคโทร. 1422