กระทรวงสาธารณสุข เตรียมความพร้อมให้บุคลากรทางการแพทย์ในการให้แอนติบอดีสำเร็จรูป หรือ Long acting antibody (LAAB) ในกลุ่มภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งแม้ว่าจะได้รับวัคซีนโควิด 19 แต่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงพอต่อการป้องกันโรค เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19
วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ที่ ห้องประชุมเพชร สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดประชุมวิชาการ เรื่องแนวทางการให้ Long acting antibody (LAAB) เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรในการให้บริการแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เลขาธิการสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ตัวแทนเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UhosNet) อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงบุคลากรจากกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุมทั้งออนไซด์และออนไลน์
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการให้วัคซีนป้องกันโควิด 19 แก่ทุกคนในประเทศไทย เพื่อลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยและเสียชีวิต เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา โดยพยายามให้ประชาชนไทยทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มสุขภาพดี กลุ่มเสี่ยง รวมถึงกลุ่มที่มีปัญหาด้านภูมิคุ้มกันได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันอย่างทั่วถึง
โดยกลุ่มที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำหรือได้รับวัคซีนแล้วแต่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงเพียงพอต่อการป้องกันโรค ได้แก่ ผู้ป่วยโรคไตวายที่ต้องได้รับการฟอกไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะที่ต้องได้รับยากดภูมิขนาดสูง ผู้ป่วยกลุ่มภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่นๆ เป็นต้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดหาแอนติบอดีสำเร็จรูป (LAAB) เข้ามาให้บริการ พร้อมทั้งจัดประชุมชี้แจงแนวทางกับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการแก่ประชาชน
ด้าน นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า LAAB เป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่สามารถออกฤทธิ์ลบล้างเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด 19 ได้ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์กลายพันธุ์ต่างๆ มีผลการศึกษาว่าสามารถป้องกันโควิด 19 สายพันธุ์ BA.2 และสายพันธุ์ BA.4-BA.5 ได้ผลดีกว่า 80% รวมถึงลดการเสียชีวิตได้ดี ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาในสหภาพยุโรป สำหรับป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อโควิด 19 และได้รับการขึ้นทะเบียนนำมาใช้ในภาวะฉุกเฉินในประเทศสหรัฐอเมริกา และหลายประเทศทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนยาภายใต้การอนุญาตแบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 ผู้ที่สามารถรับการฉีด LAAB ได้จะต้องมีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป และน้ำหนักมากกว่า 40 กิโลกรัม ในระยะแรกจะจัดสรรให้กับกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีข้อบ่งชี้ตามที่คณะกรรมผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำก่อน ในระยะถัดไปจะขยายไปใช้ในกลุ่มเป้าหมายตามข้อบ่งชี้อื่นๆ ที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. วิธีการฉีดเป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1.5 ซีซี จะมีการกระจาย LAAB ในทุกจังหวัด โดยสามารถเก็บในอุณหภูมิปกติ 2-8 องศาเซลเซียส
ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย พร้อมเตรียมมอบให้โรงเรียนแพทย์นำไปศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป ทั้งนี้ การฉีดให้กับผู้ป่วยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประจำตัวเป็นผู้พิจารณา
********************* 22 กรกฎาคม 2565