บอร์ดภาพยนตร์ฯ เผยข่าวดีไฟเขียวมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติ ระยะ 2 ( 2565 – 2570) กระตุ้นการลงทุนสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย-ดึงดูดนักท่องเที่ยว หลังมาตรการระยะแรกดันรายได้เข้าประเทศเฉลี่ยปีละ 3,500 ล้านบาท เฉพาะปี 2564 มียอดรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5,007 ล้านบาท
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) รองประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ คนที่ ๑ กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ซึ่งมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เคยมีมติให้ผลักดันมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติสำเร็จมาตั้งแต่ปี 2555 และกระทรวงการคลังได้ออกเป็นกฎกระทรวง ฉบับที่ 289 (พ.ศ. 2555) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2555 มีผลบังคับใช้ระหว่าง 1 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ไปแล้วนั้น
ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่รายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น จากมาตรการดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญและมีผลต่อการดึงดูดใจผู้สร้างภาพยนตร์และนักแสดงชื่อดังที่จะเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
รมว.วธ. กล่าวต่อไปว่า จากนั้นการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 เห็นชอบหลักการมาตรการการขอยกเว้นภาษีนักแสดงต่างชาติ ระยะที่ 2โดยให้มีผลเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560– 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 4 ส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติมอบหมายกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจการกำกับและส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศ จัดทำข้อมูล สถิติ รายละเอียดเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้ของประเทศไทยจากเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย
ต่อมาในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติ เป็นระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งให้หาแนวทางส่งเสริมและยกระดับจังหวัดเมืองรองต่าง ๆ ให้สามารถใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศมากยิ่งขึ้นด้วยเพื่อเป็นการดึงดูดนักแสดงชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียง และสร้างแรงจูงใจแก่ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศให้ลงทุนสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างและกระจายรายได้ ในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งต่อยอดธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ทั้งยังเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและศิลปวัฒนธรรมซึ่งเป็น Soft Power ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักผ่านสื่อต่างประเทศดังกล่าวในวงกว้างมากยิ่งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย
จากข้อมูลสถิติของกรมการท่องเที่ยวในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. 2560 – 2564) มีคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในประเทศไทย จำนวน 2,562 เรื่อง สร้างรายได้เฉลี่ยกว่า 3,500 ล้านบาทต่อปีและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์รายใหญ่ที่มีเงินลงทุนสูง ต่างให้ความสนใจเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยมากขึ้น
จนทำให้เฉพาะในปี 2564 มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยจำนวน 122 เรื่อง สร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 5,007 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน และกระจายรายได้สู่บุคลากรและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงชุมชนท้องถิ่นที่เป็นสถานที่ถ่ายทำอย่างมากมาย
คาดว่าหลังจากนี้ การยกเว้นภาษีนักแสดง จะช่วยดึงดูดกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศมากยิ่งขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้แก่ประเทศจากการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยเฉลี่ยปีละ 3,500 ล้านบาท รวมรายได้ 5 ปี ประมาณ 17,500 ล้านบาท