กรมสุขภาพจิต ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ สสส. เปิดตัว DMIND Application นวัตกรรมสำหรับคัดกรองผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า

วันที่ 20 มิถุนายน 2565 กรมสุขภาพจิต ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ สสส.ประสานความร่วมมือพัฒนาโปรแกรม “DMIND” เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าเบื้องต้นให้บุคคลทั่วไปหรือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้อย่างอัตโนมัติและมีความถูกต้องแม่นยำ ช่วยคัดกรองเพื่อส่งต่อผู้ป่วยให้แพทย์ อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการคัดกรองอาการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันในประเทศไทย พบว่ามีผู้ที่ประสบปัญหาภาวะซึมเศร้ามากขึ้นและมีช่วงอายุน้อยลง การสร้างความตระหนักและการพัฒนาระบบช่วยเหลือรวมถึงการให้บริการทางสุขภาพจิตจากภาวะซึมเศร้า ที่เหมาะสม คืออีกหนทางที่จะสามารถเข้าช่วยเหลือและประคับคองกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่น จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในชื่อ DMIND ที่ช่วยประเมินด้านสุขภาพจิตได้

ซึ่งจากข้อมูลของ DMIND เริ่มทดลองระบบให้บริการเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2565 พบว่าปัจจุบันมีผู้เข้าใช้ระบบ จำนวน 7,500 ราย ขอรับความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยา จำนวน 110 ราย ให้การช่วยเหลือด้านจิตใจในระดับภาวะเศร้ารุนแรงถึง 82 ราย ที่ถูกส่งต่อความช่วยเหลือทันที โดยกรมสุขภาพจิตได้สนับสนุนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปใช้ ในระบบ DMIND อย่างต่อเนื่อง ตามหลักการ 3 สPlus ได้แก่

1. การสอดส่องมองหา ด้วยการสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม

2. การใส่ใจรับฟัง อย่างเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ

3. การส่งต่อเชื่อมโยง เมื่อระบบค้นพบจะมีกลไกในการประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือ

ทั้งนี้ในอนาคตการขยายการใช้งานระบบ DMIND จะไม่จำกัดแต่ในระบบหมอพร้อมเท่านั้น กรมสุขภาพจิตจะสนับสนุนการใช้ประโยชน์ไปยังโรงพยาบาลจิตเวชสังกัดกรมสุขภาพจิตทุกแห่ง เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนทุกภาคส่วน

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โรคซึมเศร้าเป็นโรคหนึ่งทางจิตเวชที่เกิดจากความเครียดของปัญหารอบด้าน เช่น ภาวะเศรษฐกิจ โรคระบาด การแข่งขันในสังคม ฯลฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้ากว่า 300 ล้านคน ทั่วโลก และกว่า 1.5 ล้านคนในประเทศไทย

อีกทั้งยังเป็นเพชฌฆาตเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยถึงปีละ 4,000 ราย และเป็นสาเหตุของการพยายามฆ่าตัวตายถึงปีละ 53,000 ราย ซึ่งการป้องกันความรุนแรงของโรคและยับยั้งการฆ่าตัวตายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ถือเป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกับปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence; AI) กำลังมีบทบาททางการแพทย์ มากขึ้น

ทั้งในแง่การตรวจคัดกรอง การประเมินความเสี่ยงและความรุนแรงต่อการเป็นโรค คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้เล็งเห็นโอกาสจากการใช้ประโยชน์ในเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงการรักษาโรคทางจิตเวช จึงได้ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ พร้อมด้วยสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถสัมภาษณ์อาการจากการตอบคำถามผ่านใบหน้า น้ำเสียง และข้อความ

โดยใช้แนวทางการสัมภาษณ์จากแบบคัดกรองที่มีวิธีการตรวจมาตรฐาน เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าเบื้องต้นให้บุคคลทั่วไปหรือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้อย่างอัตโนมัติและมีความถูกต้องแม่นยำ ช่วยลดขั้นตอนในการวินิจฉัยของแพทย์ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงการคัดกรองอาการได้อย่างสะดวกในรูปแบบแอพลิเคชั่น “DMIND” ระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้า Detection and Monitoring Intelligence Network for Depression

นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. ดำเนินการเรื่องสุขภาพจิตอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ในปี 2565 ได้ยกระดับเป็นประเด็นยุทธศาสตร์สำคัญของ สสส. ที่มุ่งเน้นการทำงานสร้างเสริมและป้องกัน ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบุคคล และปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและสังคม

ในการนี้ สสส. ได้ร่วมกับกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย ริเริ่มโครงการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการประเมินภาวะซึมเศร้า DMIND และโครงการสร้างเสริมสุขภาพจิต และป้องกันภาวะซึมเศร้าด้วยการพัฒนาระบบ Service dashboard โดยเชื่อมต่อกับระบบหมอพร้อม เกิดเป็นนวัตกรรมแอปฯ DMIND สอดรับกับการสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการประเมินสุขภาพจิตได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว ช่วยป้องกัน ความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และสร้างเสริมสุขภาพจิตในระยะยาว

รวมถึงการได้รับบริการอย่างเหมาะสมตามระดับปัญหา ที่สำคัญคือ ประชาชนสามารถนำองค์ความรู้หรือแนวทางที่ได้รับจากการให้บริการไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตของตนเองและสื่อสารช่วยเหลือคน รอบข้างได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

**************** 21 มิถุนายน 2565