กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยทิศทาง “กัญชา”หลังพ้นยาเสพติด เตรียมเดินหน้าต่อยอดนวัตกรรม เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพ สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ

กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยทิศทาง “กัญชา”หลังพ้นยาเสพติด เตรียมเดินหน้าต่อยอดนวัตกรรม เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพ สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ พร้อมขึ้นแท่นพืชเศรษฐกิจโลก ในอนาคตอย่างยั่งยืน

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายกัญชา หลังปลดล็อก โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนที่ปลูกกัญชาทั่วประเทศกว่า1,900 แห่ง จะมีเงินไหลเวียนในระบบกว่า 2,900 ล้านบาทต่อปี พร้อมต่อยอดนวัตกรรม สู่การเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่จะสร้างประโยชน์ด้านสุขภาพให้กับประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างยั่งยืน

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานครโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปาฐกถาพิเศษเรื่อง“ปลดล็อกกัญชาเสรี สร้างเศรษฐกิจ สร้างสุขภาพ” และรับมอบตำรับยากัญชาของหมอพื้นบ้านให้เป็นตำรับยาแผนไทยของชาติ

ทั้งนี้มี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม “เดินหน้า…กัญชาเสรี แก้เจ็บแก้จน” และการอบรมเรื่อง การเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีของพืชกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการส่งออก โดยมี นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่นโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญในการต่อยอด ภูมิปัญญาและความรู้ของปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป รวมถึงศึกษาวิจัยการใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจนั้น นำไปสู่การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งวันนี้พ้นวันที่ 9 มิถุนายน 2565 มีผลทำให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาเสรีและใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

และมีการผลักดันยากัญชาแผนไทย 5 รายการ คือ ยาแก้ลมแก้เส้น ยาศุขไสยาศน์ ยาทำลายพระสุเมรุ น้ำมันกัญชา(หมอเดชา) และน้ำมันกัญชาทั้ง 5 สู่ชุดสิทธิประโยชน์และบัญชียาหลักแห่งชาติ และที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องคือการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพผ่านเครือข่ายสุขภาพในระดับชุมชน ส่งเสริม ป้องกัน และฟื้นฟูสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก ในหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับและเป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

จากนโยบายการปลดล็อคกัญชา มีการคาดการณ์ว่าประชาชน เกษตรกร รวมถึงภาคธุรกิจ จะได้รับประโยชน์ เช่น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาทต่อวิสาหกิจต่อรายต่อปี ขณะนี้วิสาหกิจชุมชนที่ยื่นขอปลูกกัญชา ประมาณ 1,976 แห่ง ก็จะมีเงินไหลเวียนในระบบ 2,964 ล้านบาทต่อปี มีการส่งเสริมให้วัตถุดิบกัญชาเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร อาหารเสริม เครื่องสำอาง ซึ่งมีมูลค่าตลาด 200,000 ล้านบาทต่อปี กลุ่มผู้ป่วยนอนไม่หลับ และผู้สูงอายุ ประมาณ 31 ล้านคน ประมาณการเป็นมูลค่า 64,000 ล้านบาทต่อปี

ในส่วนประโยชน์ด้านสุขภาพ จากการปลดล็อกกัญชา สามารถลดภาระการดูแลผู้ป่วยในระบบสุขภาพ ลดการแออัดในโรงพยาบาล ประชาชนสามารถนำส่วนของกัญชาไปใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ เช่น ชาชงกัญชา กัญชากับอาหาร และเพิ่มการเข้าถึงบริการในระบบสุขภาพปฐมภูมิ เข้าถึงการใช้ตำรับยาแผนไทยที่มีส่วนผสมของกัญชาได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยบรรเทา รักษาอาการ/โรคของผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในผู้ป่วยผู้ป่วยระยะประคับประคอง ลงประมาณ 928.8 ล้านบาท

ผู้ประกอบวิชาชีพการแผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน สามารถนำกัญชามาใช้ปรุงยาให้ผู้ป่วยเฉพาะรายของตนได้ ภาพรวมจากการปลดล็อกกัญชา จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางอุตสาหกรรม และลดค่าใช้จ่าย ด้านสุขภาพ 267,210 ล้านบาท เป็นต้น

ทางด้าน นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กัญชาเป็นภูมิปัญญาของชาติไทย ซึ่งยังมีความรู้ที่ดีอีกมากที่สมควรจะได้รับการรวบรวม ศึกษาวิจัย พัฒนา และต่อยอด ต่อไปในอนาคต การนำกัญชามาพัฒนาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อระบบสุขภาพประชาชน ประเทศชาติ และถูกต้องตามกฎหมาย นับว่าเป็นภาพที่ชัดเจนตามภารกิจที่กำหนดไว้

โดยทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ดำเนินการอย่างครบกระบวนการตั้งแต่ ต้นทาง กลางทาง และ ปลายทาง นำไปสู่ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือ สามารถต่อยอดเชิงเศรษฐกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ยา ด้านการท่องเที่ยว wellness มีการรวบรวม องค์ความรู้ เชิดชูเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาติมากกว่า 200 ตำรับ ส่งเสริมแพทย์แผนไทย แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน ปรุงยากัญชาเฉพาะราย เพิ่มการเข้าถึงการใช้ยากัญชาในการรักษาโรค ในคลินิกกัญชาทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ กว่า 2,000 แห่ง

ศึกษาวิจัย จัดทำมาตรฐาน ยากัญชา ผลักดันสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ให้ประชาชนทุกสิทธิ์เข้าถึงอย่างทั่วถึง สะดวกและง่าย และมีแนวทางในการนำไปใช้ในคลินิกเฉพาะโรค คลินิกผู้สูงอายุ การดูแลผู้ป่วย Long COVID และ ในระยะต่อไปจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งเพิ่มเติมการสร้างความรอบรู้ให้ประชาชน อสม. ผู้ป่วย ในการนำมากัญชาใช้ประโยชน์ดูแลสุขภาพตามวัยอย่างปลอดภัยและเหมาะสม

สำหรับกิจกรรม“เดินหน้า…กัญชาเสรี แก้เจ็บแก้จน” และการอบรมเรื่อง การเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีของ พืชกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการส่งออก มีกิจกรรมหลากหลายที่เป็นไฮไลท์ของงาน อาทิ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง ปลดล็อคกัญชาเสรี สร้างเศรษฐกิจ สร้างสุขภาพ บรรยายพิเศษเรื่อง กฎหมาย…หลังปลดล็อกกัญชาเสรี บรรยายพิเศษเรื่อง กัญชาเพื่อสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การอภิปรายหมู่ เรื่อง เปิดขุมทรัพย์กัญชา เดินหน้าสู่สากล บรรยายเรื่อง แนวทาง การเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีของกัญชาทางการแพทย์ เป็นต้น

ในงานนี้ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน คือ ประชาชนมีความรอบรู้ มีความเข้าใจ เรื่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการจากกัญชาในการดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สามารถนำไปต่อยอดทางเศรษฐกิจได้ ประชาชนมีความเชื่อมั่น ยอมรับและมีทักษะในการกลั่นกรอง ประเมิน และตัดสินใจ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากกัญชา ในการดูแลสุขภาพและเพื่อการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากกัญชาในระบบเพิ่มขึ้น

………..15 มิถุนายน 2565……………