จันทบุรี นำร่องโครงการอาหารเป็นยา จัดมหกรรม “เลิศรสจันท์ อาหารเป็นยา” ส่งเสริมการใช้สมุนไพร นำครัวไทยสู่ครัวโลก

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงานมหกรรม “เลิศรสจันท์ อาหารเป็นยา” ให้ จ.จันทบุรีนำร่องโครงการอาหารเป็นยา ส่งเสริมการใช้สมุนไพรพื้นบ้านไทยในอาหาร เครื่องดื่ม สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้กับคนในพื้นที่ นำครัวไทยสู่ครัวโลก โดยนำสมุนไพรที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดมาประกอบเป็นอาหารให้สอดคล้องกับองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 15 มิ.ย.นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จันทบุรี

วันที่ 11 มิถุนายน 2565 ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จันทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดมหกรรม “เลิศรสจันท์ อาหารเป็นยา” ภายใต้แนวคิด อาหารเป็นยาวิถีคนจันท์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล โดย ดร.สาธิต กล่าวว่า จากรายงานผลการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพของคนไทย ในปี 2560 – 2564 ในระบบข้อมูล Health for you ของกรมอนามัย พบคนไทยเกินครึ่งกินผักไม่เพียงพอ ส่วนการกินน้ำตาล และไขมันมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ นำไปสูการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดทำโครงการ “อาหารเป็นยา” เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และสร้างกระแสให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารเป็นยา ซึ่งอาหารไทยมีองค์ประกอบของสมุนไพรไทยพื้นบ้านหลายชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ในการช่วยส่งเสริมดูแลสุขภาพ เช่น กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ขับลม  แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ เป็นต้น ที่สำคัญคือ ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไม่เรื้อรัง ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพอันดับต้นๆในระดับโลกที่สามารถป้องกันและแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่สมดุล

นอกจากนี้ การส่งเสริมการปลูกสมุนไพร ยังช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เกิดความเชื่อมั่นในการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการบริโภคอาหารให้เป็นยาตามวิถีธรรมชาติที่เหมาะสม สามารถสร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ นำครัวไทยสู่ครัวโลก ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย ตลาดสมุนไพรได้กลับมาขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำให้มูลค่าการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 4.56 หมื่นล้านบาท และยังมีโอกาสเติบโตในอนาคตสูง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูป เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย “อาหารเป็นยา” จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจและกำลังเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง

ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า จ.จันทบุรี เป็น 1 ใน 14 จังหวัดเมืองสมุนไพรของประเทศ (อำนาจเจริญ, สุรินทร์, มหาสารคาม, อุทัยธานี, สกลนคร,นครปฐม, สระบุรี, ปราจีนบุรี, จันทบุรี, เชียงราย, พิษณุโลก, อุดรธานี, สุราษฎร์ธานี, สงขลา) มีการปลูกพืชสมุนไพรจำหน่ายเป็นรายได้ และมีการส่งเสริมการใช้สมุนไพรอย่างครบวงจร ได้ให้นำร่องจัดงานมหกรรม “อาหารเป็นยา” เป็นแห่งแรก ภายใต้ชื่อ มหกรรม “เลิศรสจันท์ อาหารเป็นยา” โดยนำเสนอสมุนไพรที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัด ได้แก่ พริกไทย, กระวาน, เร่ว, ชะมวง, มะปี๊ด, สำรอง, มังคุด, ระกำ, ทุเรียน, ลำไย, และกัญชา ประกอบเป็นอาหารให้สอดคล้องกับองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย และยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ เสวนาวิชาการ, บรรยายและสาธิตการปรุงอาหารสมุนไพรโดยเชฟชื่อดัง, การแข่งขันหนูน้อยนักปรุง, บูธวิชาการ, จำหน่ายสินค้าอาหารเป็นยาวิถีคนจันท์ และการสาธิตชุดความรู้อาหารเป็นยาวิถีคนจันท์ โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 15 มิถุนายน 2565 ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จันทบุรี

“กระทรวงสาธารณสุขจะขับเคลื่อนโครงการ “อาหารเป็นยา” ไปยังทุกเขตสุขภาพและทุกจังหวัด เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนได้บริโภคอาหารที่ดีมีสมุนไพรไทยเป็นส่วนประกอบ ทั้งยังจะช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ เกิดการยกระดับอาหารไทยเป็นเมนูสุขภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มของอาหารแก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศตามมา” ดร.สาธิตกล่าว