“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 20 เมษายน 2565 พบผู้ป่วย จำนวน 1098 ราย เสียชีวิต 2 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ อายุ 5-14 ปี รองลงมา คือ 15-24 ปี และเด็กแรกเกิด – 4 ปี ตามลำดับ จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูง 5 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพมหานคร แม่ฮ่องสอน นครปฐม พัทลุง และราชบุรี ตามลำดับ”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงนี้ มีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้น้ำขังในภาชนะต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยเรียน ที่อยู่บ้านในช่วงปิดเทอม มีโอกาสถูกยุงลายกัดในช่วงกลางวันได้ จึงขอให้ชุมชน และหน่วยงานต่างๆ รวมถึงผู้ปกครอง ช่วยกันกำจัดแหล่งพันธุ์ยุงลายบริเวณชุมชน และรอบบ้าน โดยเน้นมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ
1) เก็บบ้านให้ปลอดโปร่ง ไม่มีบริเวณอับทึบให้ยุงลายเกาะพัก
2) เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บเศษภาชนะที่ต้องการทิ้งไว้ในถุงดำมัดปิดปากถุง และนำไปทิ้งลงถังขยะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
3) เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะที่ไม่ใช้แล้ว และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ใส่ทรายกำจัดลูกน้ำหรือปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะที่ปิดฝาไม่ได้ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ และเน้นการป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยทายากันยุง และนอนในมุ้ง ซึ่งสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ
1. โรคไข้เลือดออก
2. โรคติดเชื้อไวรัสซิกา
3. โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า หากบุตรหลานหรือคนในครอบครัวมีอาการไข้สูง ให้หลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเอง หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอล ห้ามใช้ยาในกลุ่มเอ็นเสด เช่น ยาไอบรูโปรเฟน แอสไพริน หรือยาแก้ปวดไดโคลฟิแนก เพราะถ้าเป็นไข้จากโรคไข้เลือดออก ยากลุ่มนี้อาจมีผลทำให้เลือดออกมากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อรับประทานยาพาราเซตามอลแล้ว อาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”
*******************************************************
ข้อมูลจาก : ทีม SAT / สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 26 เมษายน 2565