นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด 19 ในปัจจุบัน ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย โดยในวันนี้ (1 เม.ย.65) มีจำนวนผู้เสียชีวิต 92 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดจากการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 กลุ่ม 608 ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม
ปัจจุบันผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามเกณฑ์ UCEP plus ที่นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) รวมทั้ง ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นย้ำให้กรมการแพทย์และหน่วยงานเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนบูรณาการบริหารการจัดการเตียง เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วย ในส่วนของสถานการณ์เตียงนั้น ภาพรวมพบว่ายังมีจำนวนเตียงในโรงพยาบาลเพียงพอสำหรับรองรับกลุ่ม 608 โดยหลักโรงพยาบาลไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้ อย่างไรก็ตามการเข้ารับการรักษาต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ด้วย แต่หากเตียงในโรงพยาบาลเต็ม ขอให้ประสานกับเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยต่อไป นอกจากนี้ยังมีความห่วงใยกลุ่มเด็กเล็กที่ติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ กรมการแพทย์ได้เร่งปรับรูปแบบการรักษาเพื่อรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ออกแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ฉบับปรับปรุง วันที่ 22 มีนาคม 2565 จากความร่วมมือของคณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่าง ๆ และผู้แทนทีมแพทย์ที่ปฏิบัติหน้างาน ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด ได้ทบทวนและปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย ตามข้อมูลวิชาการในประเทศ และต่างประเทศ ทั้งการจัดเตรียมยา Molnupiravir และ Paxlovid สำหรับกลุ่มเสี่ยง 607 (ยกเว้นสตรีตั้งครรภ์) รวมถึงแนะนำให้ฉีดวัคซีน และวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิต้านทาน และยังคงเคร่งครัดมาตรการทางสังคม ทั้งการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด 19
**************************************
#กรมการแพทย์ #โควิด19
-ขอขอบคุณ-
1 เมษายน 2565