กรมอนามัย ห่วงสุขภาพประชาชน 11 จว. เหนือ-อีสาน เผชิญวิกฤตหมอกควัน แนะเข้มดูแลตนเอง

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพประชาชนในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา ตาก เลย และขอนแก่น ที่ประสบปัญหาวิกฤตหมอกควัน หลังพบค่าฝุ่นสูงเกิน

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า วิกฤติปัญหาหมอกควันภาคเหนือและ ภาคอีสาน 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา ตาก เลย และขอนแก่น ยังคงพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5 และ PM10) อยู่ในระดับสีแดงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งประชาชนทั่วไปและประชาชนกลุ่มเสี่ยงเกือบทุกพื้นที่ สาเหตุมาจากการเผาป่าและเผาวัสดุทางการเกษตร โดยการคาดการณ์ของ  กรมอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือในช่วงวันที่ 12 – 15 มีนาคม 2562 ไม่มีฝน ลมอ่อนพัดปกคลุมบริเวณภาคเหนือ อากาศ ไม่ยกตัว ทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กสะสมตัวได้ดี แม้จะมีการประกาศห้ามเผาในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ แต่ก็ยังพบ การสะสมของฝุ่นละอองในบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง

แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าวต่อไปว่า ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานต้องดูแลสุขภาพตนเอง เนื่องจากฝุ่นละอองขนาด PM2.5 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดและโรคเรื้อรังอื่น ๆ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง จึงต้องป้องกันตนเอง ควรลดหรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่หากจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีค่าฝุ่นละอองสูง ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นที่เหมาะสม สำหรับเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ให้สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน

“ทั้งนี้ กรมอนามัย ได้มอบให้ศูนย์อนามัยในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว เฝ้าระวังและสื่อสารเตือนภัย ตรวจเช็ค PM2.5 ลงพื้นที่ดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันสุขภาพตนเองและติดตามสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด ผ่านแอพพลิเคชั่น Air4thai หรือทางเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษหรือติดตามรับฟังข่าวสารทางช่องทางอื่น ๆ จากหน่วยงานราชการอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งขอความร่วมมือสถานประกอบการหรือประชาชนงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

**************************************