“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 10 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 106,475,122 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,451 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 817.2 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120.5%)
➡️(10 มกราคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 9,451 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 37.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 519 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 208 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 817.2 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 287.5 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 10 มกราคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 106,475,122 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.60%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 9,451 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 10 มกราคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 106,475,122 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 51,514,791 โดส (77.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 46,853,598โดส (70.8% ของประชากร)
-เข็มสาม 8,106,733 โดส (12.2% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-10 ม.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 106,475,122 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 138,885 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 283,323 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,828,279 โดส
– เข็มที่ 2 3,576,438 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 13,498,013 โดส
– เข็มที่ 2 27,953,362 โดส
– เข็มที่ 3 3,057,433 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,465,590 โดส
– เข็มที่ 2 7,129,102 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 7,109774 โดส
– เข็มที่ 2 7,624,886 โดส
– เข็มที่ 3 3,716,199 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 613,135 โดส
– เข็มที่ 2 569,810 โดส
– เข็มที่ 3 1,333,101 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 121.7% เข็มที่2 119.1% เข็มที่3 99.8%
– อสม เข็มที่1 78.9% เข็มที่2 76.2% เข็มที่3 26%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 78% เข็มที่2 72.7% เข็มที่3 12.1%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68.5% เข็มที่3 61.6% เข็มที่3 11.1%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 68.7% เข็มที่3 8.8%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 71.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 71.5% เข็มที่2 65% เข็มที่3 11.3%
5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 120.5% เข็มที่2 111.2%
2. ชลบุรี เข็มที่1 93.7% เข็มที่2 88.6%
3. สมุทรสาคร เข็มที่1 94.9% เข็มที่2 85.8%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.7% เข็มที่2 85.3%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 90% เข็มที่2 85%
6. ปทุมธานี เข็มที่1 84.2% เข็มที่2 78.9%
7. ระนอง เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 76.5%
8. ระยอง เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 74.2%
9. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 87.6% เข็มที่2 74%
10. พังงา เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 72.9%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. หนองบัวลำภู เข็มที่1 51.8% เข็มที่2 41.6%
2. ปัตตานี เข็มที่1 53.6% เข็มที่2 42.8%
3. บึงกาฬ เข็มที่1 54.2% เข็มที่2 43%
4. นราธิวาส เข็มที่1 53.5% เข็มที่2 43%
5. สกลนคร เข็มที่1 55% เข็มที่2 45%
6. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 45.3%
7. นครพนม เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 46.7%
8. สุรินทร์ เข็มที่1 52% เข็มที่2 46.7%
9. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 47.1%
10. ศรีสะเกษ เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 47.3%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 817,232,743 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 287,535,622 (61.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 160,033,187 โดส (80.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ 113,364,030 โดส (52%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 106,475,122 โดส (77.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 59,278,598 โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 37,610,466 โดส (38.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 31,879,848 โดส (84.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 11,834,312 โดส (88%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,323,157 โดส (62.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 898,401 โดส (94.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.68%
2. ยุโรป 10.39%
3. อเมริกาเหนือ 8.91%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.01%
5. แอฟริกา 3.43%
6. โอเชียเนีย 0.58%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,894.18 ล้านโดส (206.7% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,519.57 ล้านโดส (111.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 519.34 ล้านโดส (156.4%)
4. บราซิล จำนวน 333.63 ล้านโดส (158.8%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 287.54 ล้านโดส (104.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (276.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (235.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. เดนมาร์ก (225.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
4. บาห์เรน (220.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. มัลดีฟส์ (213%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
6. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (212.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
7. เกาหลีใต้ (209.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
8. จีน (206.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. บรูไน (203.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
10. สหราชอาณาจักร (202.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)