“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 102,681,943 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,956 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 763.5 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120%)
➡️(26 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,956 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 43.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 500 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 205 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 763.5 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.4% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 267.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 102,681,943 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.98%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,918 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 102,681,943 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 51,032,649 โดส (77.1% ของประชากร)
-เข็มสอง 45,423,045 โดส (68.6% ของประชากร)
-เข็มสาม 6,226.249 โดส (9.4% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-26 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 102,681,943 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 120,612 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 358,586 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,803,477 โดส
– เข็มที่ 2 3,573,834 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 13,396,410 โดส
– เข็มที่ 2 27,799,001 โดส
– เข็มที่ 3 2,802,826 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,444,444 โดส
– เข็มที่ 2 7,074,336 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 6,802,573 โดส
– เข็มที่ 2 6,593,426 โดส
– เข็มที่ 3 2,337,892 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 585,745 โดส
– เข็มที่ 2 382,448 โดส
– เข็มที่ 3 1,085,531 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122% เข็มที่2 119.2% เข็มที่3 97.2%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 62.3% เข็มที่3 24.9%
– อสม เข็มที่1 78.8% เข็มที่2 75.5% เข็มที่3 21.7%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 77.4% เข็มที่2 70.9% เข็มที่3 8.3%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68.5% เข็มที่3 59.9% เข็มที่3 8.2%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 74.9% เข็มที่ 66.6% เข็มที่3 4.8%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 20.6% เข็มที่ 17% เข็มที่3 0.7%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 69.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 70.8% เข็มที่2 63.1% เข็มที่3 8.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 120% เข็มที่2 109.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.7% เข็มที่2 75.4%
2. ชลบุรี เข็มที่1 93% เข็มที่2 86.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.7% เข็มที่2 76.4%
3. เชียงใหม่ เข็มที่1 89.2% เข็มที่2 81.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 94.6% เข็มที่2 86.7%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.6% เข็มที่2 84.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.6% เข็มที่2 72.2%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 83.2% เข็มที่2 71.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 96.5% เข็มที่2 88.7%
6. ระนอง เข็มที่1 81.7% เข็มที่2 74.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.3% เข็มที่2 74.6%
7. ระยอง เข็มที่1 77.6% เข็มที่2 72.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70% เข็มที่2 66.9%
8. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 66% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 84.4% เข็มที่2 77%
9. พังงา เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 72.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 74.1%
10. กระบี่ เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 66.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.8% เข็มที่2 75.4%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 70.5% เข็มที่2 64.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 68.5%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 70% เข็มที่2 62.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72% เข็มที่2 64%
13. ตราด เข็มที่1 66.7% เข็มที่2 62.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.5% เข็มที่2 65.8%
14. เลย เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 52.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 67.9%
15. บุรีรัมย์ เข็มที่1 61% เข็มที่2 54.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.7% เข็มที่2 72.3%
16. อุดรธานี เข็มที่1 59.5% เข็มที่2 52.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 84.6% เข็มที่2 75.9%
17. หนองคาย เข็มที่1 56.5% เข็มที่2 48.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.1% เข็มที่2 64.7%
รวม เข็มที่1 90.9% เข็มที่2 82.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83% เข็มที่2 75.7%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 763,556.836 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 267,807,642 (56.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 145,595,435 โดส (79%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 105,412,678โดส (51.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 102,681,943 โดส (77.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 56,814,549 โดส (79.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 35,074,458 โดส (37.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 31,262,859 โดส (84.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (88%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,000,156 โดส (61.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 823,787 โดส (94.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.37%
2. ยุโรป 10.51%
3. อเมริกาเหนือ 9.05%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.15%
5. แอฟริกา 3.33%
6. โอเชียเนีย 0.59%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,745.88 ล้านโดส (196.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,414.06 ล้านโดส (103.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 500.22 ล้านโดส (150.7%)
4. บราซิล จำนวน 328.47 ล้านโดส (156.3%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 267.81 ล้านโดส (97.1%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (261.5%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (226.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. บาห์เรน (213.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. มัลดีฟส์ (211.6% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (209.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
6. เดนมาร์ก (201.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
7. อุรุกวัย (196.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. สหราชอาณาจักร (196.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
9. จีน (196.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
10. เกาหลีใต้ (191.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)