“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 97,653,854 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,497 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง

“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 97,653,854 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,497 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 714.7 ล้านโดส

➡️(14 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,497 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 41.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 485 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 202 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 714.7 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 251.1 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 97,653,854 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.85%

🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,497 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2564

จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 97,653,854 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น

-เข็มแรก 49,980,431 โดส (75.6% ของประชากร)

-เข็มสอง 43,461,981 โดส (65.7% ของประชากร)

-เข็มสาม 4,211,442 โดส (6.4% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-14 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 97,653,854 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 250,737 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 291,114 โดส/วัน

3. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย

– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.1% เข็มที่2 119% เข็มที่3 94.7%

– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 61.8% เข็มที่3 21%

– อสม เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 74.5% เข็มที่3 17.4%

– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 76.3% เข็มทเข็มที่2 68.9% เข็มที่3 4.9%

– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 67% เข็มที่3 56.9% เข็มที่3 5.3%

– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 73.2% เข็มที่ 64.2% เข็มที่3 1.6%

– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 19.7% เข็มที่ 16% เข็มที่3 0.4%

– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 72.6% เข็มที่2 66.3% เข็มที่3 0%

รวม เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 60.3% เข็มที่3 5.8%

4. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 714,775,532 โดส ได้แก่

1. อินโดนีเซีย จำนวน 251,106,714 (53.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm

2. เวียดนาม จำนวน 132,873,501 โดส (76.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm

3. ไทย จำนวน 97,653,854 โดส (75.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm

4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 97,174,008 โดส (49.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca

5. มาเลเซีย จำนวน 55,039,657โดส (79.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac

6. พม่า จำนวน 31,859,036 โดส (34.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm

7. กัมพูชา จำนวน 30,627,543 โดส (84%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac

8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac

9. ลาว จำนวน 7,567,384 โดส (57.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca

10. บรูไน จำนวน 790,506 โดส (91.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm

* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม

5. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค

1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.42%

2. ยุโรป 10.41%

3. อเมริกาเหนือ 9.15%

4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.25%

5. แอฟริกา 3.18%

6. โอเชียเนีย 0.59%

6. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก

1. จีน จำนวน 2,612.22 ล้านโดส (186.6% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)

2. อินเดีย จำนวน 1,338,97 ล้านโดส (97.9%)

3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 485.36 ล้านโดส (146.2%)

4. บราซิล จำนวน 320.11 ล้านโดส (152.3%)

5. อินโดนีเซีย จำนวน 251.11 ล้านโดส (91%)

7. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)

1. คิวบา (255.5%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)

2. ชิลี (221%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac

3. มัลดีฟส์ (209.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)

4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (206.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)

5. บาห์เรน (205.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)

6. อุรุกวัย (195.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)

7. จีน (186.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)

8. สหราชอาณาจักร (182.11%)

9. กาตาร์ (181.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)

10. กัมพูชา (181.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

ศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและการพัฒนา ศูนย์บริการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดชื่อไวรัสโคโรน่า 2019 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม