คปภ. เร่งรัดประกันภัยจ่ายสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต 5 ศพกรณีรถกระบะเสียหลักตกคลองบางกระอุ่น จังหวัดนครปฐม

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน ผค 7966 นครปฐม เสียหลักพลิกคว่ำลงคลอง บริเวณริมคลองบางกระอุ่น หมู่ 4 ตำบลวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 5 ราย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562 โดยเบื้องต้นได้สั่งการ สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม ตรวจสอบและลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนติดตามเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อเยียวยาความสูญเสียโดยเร็ว

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม ติดตามบริษัทประกันภัยเพื่อเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตมีการทำประกันชีวิตหรืออุบัติเหตุส่วนบุคคลประเภทอื่นๆไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้ง 5 ราย อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม ว่า รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน       ผค7966 นครปฐม ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 61-0-3006000-15891 เริ่มความคุ้มครอง วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 และได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 1 ไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 6113827112 เริ่มความคุ้มครองวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง 9 พฤศจิกายน 2562

สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 5 รายนั้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครปฐม      ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและรายงานความคืบหน้า ว่า ญาติของผู้เสียชีวิตได้นำศพของผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยบริษัทประกันภัยได้ติดต่อทายาทของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายแล้ว และจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายค่าสินไหมให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตภายใน 7 วัน

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ อุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชนใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ และหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ และกรมธรรม์ประกันภัยอื่นๆ เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยง และเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย