รมว.ศธ เผยผลการเก็บข้อมูลจากการประเมินแบบเร่งด่วน (rapid appraisal) รอบที่ 3 จากกลุ่มอาสาสมัครครูนักประเมิน สะท้อนนโยบาย ศธ. ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 เพื่อกำกับ ติดตาม ดูแล และปรับมาตรการให้ความช่วยเหลือนักเรียน ครู และผู้ปกครองให้มีความพร้อมจากการเปิดเรียนแบบ On-Site พบว่า นักเรียนมีความสุขมากขึ้น ครูและผู้ปกครองเชื่อมั่นว่า On-Site ทำให้เรียนได้อย่างเต็มที่
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยข้อมูลจากกระบวนการประเมินแบบเร่งด่วน (Rapid Appraisal) ครั้งที่ 3 หลังเปิดให้มีการจัดการเรียนการสอนแบบ On-Site ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้มีโรงเรียนส่วนใหญ่กว่า 71% สามารถเปิดเรียนแบบ On-site 50% ขึ้นไปของเวลาเรียนได้ ซึ่งผู้เรียนจากการเรียนแบบ On-Site ส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน การเอาใจใส่ต่อการเรียน และความรับผิดชอบในการเรียนเพิ่มมากขึ้น สำหรับด้านสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจ ผู้เรียนส่วนใหญ่มีสุขภาพทางสายตาที่ดีและมีความสุขในการเรียนเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน รวมทั้งในด้านทักษะทางสังคม ผู้เรียนส่วนใหญ่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีเพิ่มมากขึ้น สำหรับปัญหาของการเปิดเรียนแบบ On-site ผู้เรียนส่วนใหญ่ยังคงพบปัญหาในเรื่องของการขาดแคลนหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ไม่เพียงพอ และการขาดแคลนชุดตรวจ ATK ที่มีจำนวนจำกัด จึงทำให้ต้องใช้วิธีสุ่มตรวจ ตลอดจนปัญหาในเรื่องการเดินทางมาโรงเรียนที่ยังคงมีความแออัดของรถสาธารณะ จึงส่งผลให้ผู้ปกครองเกิดความวิตกกังวลและทำให้ผู้เรียนไม่สามารถมาโรงเรียนได้อย่างต่อเนื่อง
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า สำหรับความต้องการของผู้เรียนที่มีต่อการเปิดเรียนแบบ On-Site ส่วนใหญ่กว่า 94% ต้องการให้เปิดเรียนแบบ On-Site เนื่องจากมีความสุขและสนุกในการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนและเข้าใจเนื้อหาการเรียนจากครูผู้สอนมากขึ้น โดยผู้เรียนส่วนมากต้องการให้มีการสลับวันมาเรียนเพื่อลดจำนวนเพื่อนร่วมชั้นและจัดห้องเรียนโดยเว้นระยะห่าง ตลอดจนให้ลดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม และผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยต้องการให้เปิดเรียนแบบ On-Site เป็นจำนวน 94% เพราะต้องการให้บุตรหลานได้เรียนรู้อย่างเต็มที่และได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อลดภาระผู้ปกครองที่ต้องดูแลบุตรหลานในการเรียน Online แต่ยังคงมีความกังวลในเรื่องของการดูแลตนเองของบุตรหลาน การเตรียมมาตรการป้องกันโควิด-19 ของสถานศึกษา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ป้องกัน โควิด-19 เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ครูส่วนใหญ่กว่า 93% ต้องการให้เปิดเรียนแบบ On-Site โดยมองว่า ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่และลงมือปฏิบัติได้จริง และครูสามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างครบถ้วนตามหลักสูตร สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนได้ แต่ยังคงมีปัญหาและอุปสรรคในเรื่องของผู้เรียนมาเรียนไม่ครบชั้นจึงทำให้ต้องมีการจัดการเรียนการสอนหลายรูปแบบ รวมถึงการรับวัคซีนของนักเรียนบางส่วนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ 100% จึงส่งผลให้ครูผู้สอนต้องดูแลผู้เรียนมากขึ้น ทั้งเรื่องการเรียนการสอนและการป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้ เมื่อเปิดเรียนแบบ On-Site ครูส่วนใหญ่คิดว่า มีแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีความสุขและปลอดภัย โดยจัดกิจกรรมกลุ่มโดยลดจำนวนผู้เรียนในกลุ่มลง การลดการบ้านของผู้เรียน รวมถึงการสื่อสารกับผู้ปกครองและชุมชนอย่างสม่ำเสมอ เรื่องการป้องกันโควิด-19 ซึ่งการเปิดเรียนต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
“ขณะนี้ดิฉันได้รับทราบข้อมูลตามโครงการการประเมินแบบเร่งด่วน (Rapid Appraisal) ครั้งที่ 3 จากอาสาสมัครครูนักประเมิน (Rapid Appraisal Volunteer : RAV) ที่ได้สะท้อนความต้องการ ความพร้อม และความกังวลต่อการเปิดเรียนแบบ On-Site ของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ผู้เรียนมีสุขภาวะทางด้านร่างกายและจิตใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผู้ปกครองที่เห็นด้วยว่าการเปิดเรียนแบบ On-Site ช่วยให้บุตรหลานสามารถเรียนได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกันกับครูที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประเมินยังมีความกังวลในด้านความปลอดภัยต่อโควิด-19 ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะต้องเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนที่มีการเปิดการเรียนแบบ On-Site ต้องดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ผู้เรียน และสร้างความเชื่อมั่นกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ทั้งนี้ ขอขอบคุณอาสาสมัครครูนักประเมินทุกท่านที่ได้เสียสละเวลาและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการศึกษาร่วมกัน โดยหลังจากนี้ จะนำข้อมูลที่ได้รับไปวางแผนการจัดการเรียนแบบ On-Site ในโรงเรียนอย่างปลอดภัยและการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพด้วยความรอบคอบที่สุดต่อไป” นางสาวตรีนุช กล่าว