“ตรีนุช”ชงบิ๊กโปรเจกต์“อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ”

เสมา 1 ชง ครม.พิจารณาบิ๊กโปรเจกต์เก็บตกเด็กจบ ม.3 เรียนต่อ 100% พัฒนาคุณภาพชีวิต กางโครงการ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” ของ สอศ.นำร่อง 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ก่อนขยายผลไปวิทยาลัยทั่วไทย วางแผนระยะยาว 10 ปี ตั้งแต่ปีงบฯ 2566-2575

วันที่ 15 พ.ย. วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ จังหวัดกระบี่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการทางการศึกษา เพื่อติดตามนโยบายรัฐบาลและนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล ว่า จากการที่ตนได้ตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษาในหลายพื้นที่พบว่ามีเด็กไม่ได้เรียนต่อหลังจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ (ม.) 3 และเข้าสู่ตลาดแรงงานไม่ได้เพราะอายุไม่ถึง 18 ปี ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลงเนื่องจากไม่มีความรู้พื้นฐานอาชีพ ดังนั้น จึงได้กำหนดนโยบายให้ผู้จบชั้น ม.3 ได้เรียนต่อ 100 % ทั้งสายสามัญศึกษา และสายอาชีพ ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ ศธ.จะเสนอโครงการ “อาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ” หรือ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” ของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา

“ โครงการของ สอศ.เป็นการช่วยเหลือนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ยากจน ขาดโอกาสทางการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษามากขึ้น ในลักษณะโรงเรียนประจำ ผู้เรียนได้เรียนฟรี มีที่พัก พร้อมอาหาร โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ซึ่งในปีการศึกษา 2565 จะนำร่องที่ 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล ก่อนจากนั้นจะขยายโครงการไปในวิทยาลัยสังกัด สอศ.ทั่วประเทศ รวมถึงฝึกอบรม Upskill และ Reskill ให้เยาวชนด้วย มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 ปี ตั้งแต่ปีงบฯ 2566-2575 ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายวิชาชีพได้ 31,200 คนต่อปี และ Upskill และ Reskill ได้ 65,000 คนต่อปี ใช้งบประมาณเฉลี่ย 1,200 ล้านบาทต่อปี” รมว.ศธ.กล่าว

นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า สอศ.ได้รายงานความก้าวหน้านโยบายการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ Excellent Center เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ที่เป็นหนึ่งในโยบายเร่งด่วน(Quick Win) ของ ศธ. ซึ่งทางวิทยาลัยเทคนิค(วท.)กระบี่ ได้ดำเนินการในสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน พัฒนาปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนกับสถานประกอบการ และเชื่อมโยงกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ใน 4 สาขางาน คือ สาขาชอฟต์แวร์และการประยุกต์ สาขาเครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัย สาขากราฟิกเกมและแอนิเมชัน และสาขาสมองกลฝังตัวและไอโอที (Internet of things) เน้นกระบวนการจัดการเรียนการสอน ที่สร้างระบบความคิด การพัฒนาทักษะให้นักเรียน นักศึกษาสามารถปฏิบัติงานได้จริง มีการประยุกต์ใช้รายวิชาในสาขางานสู่อาชีพในอุตสาหกรรมดิจิทัล

นอกจากนี้ วท.กระบี่ ได้เตรียมขยายผลในสาขาที่เป็นความต้องการกำลังคนในท้องถิ่น ในสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ การท่องเที่ยว การโรงแรม ช่างซ่อมบำรุงเรือยอร์ช และช่างอากาศยาน รวมถึงมีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพและพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในองค์กรหลักของ ศธ. และหน่วยงานการศึกษาในจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนและเป็นศูนย์กลางการประสานงานระหว่างหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการเสริมสร้างทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ ให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในจังหวัด โดยกำลังสำรวจความต้องการในการพัฒนาอาชีพ เพื่อนำไปสู่การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะอาชีพได้ตรงตามความต้องการและบริบทที่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ รมว.ศธ.ได้เยี่ยมชมศูนย์ฝึกอาชีพและพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการ Sawasdee Plaza และ Sawasdee Cup (CAFE) ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติงานจริงในการจำหน่ายสินค้า และการให้บริการของ วท.กระบี่ โดยมีผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลผลิตจากการเรียนการสอนของวิทยาลัย วางจัดจำหน่าย เช่น โต๊ะไม้จากไม้หมาก แก้วสกรีน เครื่องดื่มค็อกเทล เป็นต้น และเยี่ยมให้กำลังใจศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) ในการให้บริการช่วยเหลือประชาชน โดยเปิดให้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับประชาชน ฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น และการต่อยอดผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างงาน สร้างรายได้ ในสถานการณ์โควิด-19 ด้วย.