“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 82,532,531 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,364 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 573.3 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (111.3%)
➡️(11 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,364 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 31.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 434 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 194 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 573.3 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 209.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 82,532,531 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.77%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,364 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 82,532,531 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 44,579,576 โดส (67.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 35,277,108 โดส (53.3% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,675,847 โดส (4% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 11 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 82,532,531 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 771,469 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 671,580 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 21,841,319 โดส
– เข็มที่ 2 3,536,550โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 11,068,039 โดส
– เข็มที่ 2 23,008,428 โดส
– เข็มที่ 3 2,093,402 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 6,981,593 โดส
– เข็มที่ 2 6,157,453โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 4,688,625 โดส
– เข็มที่ 2 2,574,677 โดส
– เข็มที่ 3 582,445 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.9% เข็มที่2 120.3% เข็มที่3 93.2%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 60% เข็มที่3 16.9%
– อสม เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 71.7% เข็มที่3 14%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 70.9% เข็มที่1 60.8% เข็มที่3 3%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 58.7% เข็มที่2 45% เข็มที่3 2.8%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 57.4% เข็มที่3 0.8%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 17.3% เข็มที่2 13.1% เข็มที่3 0.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 62.6% เข็มที่2 35.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 61.9% เข็มที่2 49% เข็มที่3 3.7%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 111.3% เข็มที่2 91.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.6% เข็มที่2 68.6%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.3% เข็มที่2 79.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.1% เข็มที่2 69.8%
3. ชลบุรี เข็มที่1 85.1% เข็มที่2 73.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 70.2%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 77.1% เข็มที่2 61.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 93% เข็มที่2 81.8%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 72.6% เข็มที่2 51.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 62.2%
6. พังงา เข็มที่1 69.6% เข็มที่2 61.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 69.7%
7. ระนอง เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 57.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.6% เข็มที่2 70.7%
8. กระบี่ เข็มที่1 66.8% เข็มที่2 51.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 67%
9. ระยอง เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 52.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 58.3%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 64.8% เข็มที่2 42.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.5% เข็มที่2 63.8%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 51.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.5% เข็มที่2 62.4%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 53.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64% เข็มที่2 59.4%
13. ตราด เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 48.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 59%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 45.8%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.9% เข็มที่2 58.1%
15. เลย เข็มที่1 52.4% เข็มที่2 39.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.9% เข็มที่2 53.9%
16. อุดรธานี เข็มที่1 52.3% เข็มที่2 40% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.1% เข็มที่2 66.8%
17. หนองคาย เข็มที่1 49.5% เข็มที่2 40.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.8% เข็มที่2 58.9%
รวม เข็มที่1 82.5% เข็มที่2 66.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 66.5%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 573,302,223 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 209,858,444 โดส (46.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 93,962,665 โดส (64.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 82,532,531 โดส (67.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 66,816,976 โดส (32.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,804,374 (78.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,204,043 โดส (82.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 23,010,754 โดส (25.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,356,721 โดส (46.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 661,216 โดส (84.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.22%
2. ยุโรป 10.55%
3. อเมริกาเหนือ 9.50%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.29%
5. แอฟริกา 2.81%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,346.83 ล้านโดส (167.6% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,102.69 ล้านโดส (80.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 434.49 ล้านโดส (130.9%)
4. บราซิล จำนวน 281.02 ล้านโดส (133.7%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 209.08 ล้านโดส (76.1%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (233.2%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. มัลดีฟส์ (202.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. ชิลี (199.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (199.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. อุรุกวัย (189.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (189.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (176.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (174.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (172.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)