“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 80,221,553 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,241 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 555.15 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (110.5%)
➡️(7 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,241 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 428 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 193 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 555.15 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 204.1 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 80,221,553 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.8%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,241 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 80,221,553 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 43,914,118 โดส (66.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 33,719,280 โดส (50.9% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,588,155 โดส (3.9% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 7 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 80,221,553 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 703,581 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 690,285 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 21,548,651 โดส
– เข็มที่ 2 3,534,514 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 10,910,778 โดส
– เข็มที่ 2 22,195,498 โดส
– เข็มที่ 3 2,028,939 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 6,908,898 โดส
– เข็มที่ 2 5,984,367 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 4,545,791 โดส
– เข็มที่ 2 2,004,901 โดส
– เข็มที่ 3 559,216 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.9% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 93%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 59.7% เข็มที่3 16.3%
– อสม เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 71.3% เข็มที่3 13.4%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 70.1% เข็มที่1 59.2% เข็มที่3 2.9%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 43.1% เข็มที่3 2.6%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 56.4% เข็มที่3 0.7%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.9% เข็มที่2 12.7% เข็มที่3 0.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 59.3% เข็มที่2 25.7% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 61% เข็มที่2 46.8% เข็มที่3 3.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 110.5% เข็มที่2 86.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 66.4%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.2% เข็มที่2 79.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.1% เข็มที่2 69.7%
3. ชลบุรี เข็มที่1 84.3% เข็มที่2 71.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.6% เข็มที่2 69.4%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 76.3% เข็มที่2 60.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.7% เข็มที่2 80.6%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 48% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 69.1%
6. ระนอง เข็มที่1 68.6% เข็มที่2 54.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 60.6%
7. พังงา เข็มที่1 68.1% เข็มที่2 59.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 70.2%
8. กระบี่ เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 46% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 64.3%
9. ระยอง เข็มที่1 64.7% เข็มที่2 50.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 57.3%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 63.1% เข็มที่2 41.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 63.8%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 62% เข็มที่2 49.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.2% เข็มที่2 61.6%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 51.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 58.7%
13. ตราด เข็มที่1 60.7% เข็มที่2 45.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.8% เข็มที่2 58.3%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 57.4% เข็มที่2 44.6%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.5% เข็มที่2 56.6%
15. เลย เข็มที่1 51.7% เข็มที่2 37% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 52.5%
16. อุดรธานี เข็มที่1 51.6% เข็มที่2 38.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.6% เข็มที่2 65.6%
17. หนองคาย เข็มที่1 48.6% เข็มที่2 39% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 57.3%
รวม เข็มที่1 81.5% เข็มที่2 63.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.7% เข็มที่2 64.9%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 555,157,628 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 204,100,126 โดส (45.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 88,404,883 โดส (61.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 80,221,553 โดส (66.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 63,733,776 โดส (31.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,462,307 (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,063,863 โดส (82.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 22,152,983 โดส (25.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,282,917 โดส (46.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 640,721 โดส (80.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.04%
2. ยุโรป 10.63%
3. อเมริกาเหนือ 9.55%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.35%
5. แอฟริกา 2.80%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,311.63 ล้านโดส (165.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,082.54 ล้านโดส (79.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 428.01 ล้านโดส (128.9%)
4. บราซิล จำนวน 280.82 ล้านโดส (133.6%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 203.39 ล้านโดส (74%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (229.5%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. มัลดีฟส์ (202.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (198.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (195.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (189.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (188.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (176.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (173.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (171.9%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)