กรมสุขภาพจิตแถลงข่าวเนื่องในงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ 2564 กระตุ้นประชาชนวัดใจตัวเองเป็นกิจวัตร พร้อมผนึกกำลัง เอไอเอส ร่วมวัดใจประชาชนทุกพื้นที่ผ่านระบบ อสม ออนไลน์

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการแถลงข่าวเนื่องในงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “สุขภาพจิตไทย วัดใจไปพร้อมกัน” ในระหว่างวันที่ 1 – 7 พฤศจิกายน 2564 ณ MBK center ชั้น 4 โซน A โดยภายในงานดังกล่าวมีการร่วมแถลงข่าวและลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการบูรณาการข้อมูลเพื่อคัดกรอง และค้นหาผู้มีปัญหาสุขภาพจิตในชุมชน อันเนื่องมาจากโรคระบาดโควิด-19 ระหว่างกรมสุขภาพจิตและบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) พร้อมการเสวนาให้ความรู้ กิจกรรม และนิทรรศการด้านสุขภาพจิตที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การรู้และเข้าใจสภาพจิตใจของตนเองจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ถ้าเรารู้ เราก็จะสามารถจัดการได้ทัน หรือขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญได้ทันก่อนที่จะเกิดผลกระทบรุนแรง การรณรงค์เรื่องการ “วัดใจ” ของกรมสุขภาพจิต จึงเป็นเรื่องที่ดีมากและเป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมต้องช่วยกัน ผมและกระทรวงสาธารณสุขยินดีสนับสนุนงานด้านสุขภาพจิต เพราะพวกเรามุ่งมั่นตั้งใจให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดีและมีความสุขมากที่สุด และเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับการตกลงความร่วมมือดีดีในวันนี้ และทราบว่าหลังจากนี้ก็จะมีความร่วมมือมากมายเกิดขึ้นระหว่างกรมสุขภาพจิตและบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด มหาชน ผมเชื่อว่าคนไทยจะได้เห็นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์หลังจากนี้อีกมากมาย รวมถึงความร่วมมือกับเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ที่ช่วยเปิดบ้านเป็นสถานที่สำหรับกิจกรรมสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติตลอดทั้งสัปดาห์นี้

กรมสุขภาพจิตนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตคนไทย แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราขาดภาคส่วนอื่นในสังคม พี่น้อง อสม รวมถึงภาคเอกชน ที่ให้ความสนับสนุน การดำเนินงานต่าง ๆ ก็จะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มศักยภาพ เราทุกคนจึงต้องร่วมมือกัน อย่างเช่นการจัดกิจกรรมตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ก็ทราบว่าได้รับความช่วยเหลือด้านสถานที่และการประชาสัมพันธ์เป็นอย่างดีจากทาง เอ็มบีเค รวมถึงกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกที่ช่วยกันสนับสนุนความรู้และนวัตกรรมกัญชาทางการแพทย์อีกด้วย หากพูดถึงภาพรวมในประเทศไทย ซึ่งหลังจากที่เราควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดีจนนำมาสู่การเริ่มกลับมาเปิดประเทศได้ ก็หวังให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น มีความสุข และสุขภาพจิตที่ดีมากขึ้น แต่ถ้าใครยังรู้สึกเหนื่อยล้า ท้อแท้ใจ ผมก็อยากขอเป็นกำลังใจว่าเราทุกคนจะผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยกัน โดยมีกรมสุขภาพจิตและกระทรวงสาธารณสุขอยู่เคียงข้างพี่น้องชาวไทยทุกคน

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติในปีนี้นั้น กรมสุขภาพจิตได้ใช้ธีม “สุขภาพจิตไทย วัดใจ ไปพร้อมกัน” ซึ่งหมายถึงการสนับสนุนให้เกิดการวัดใจหรือการสำรวจด้านสุขภาพจิต เป็นวงกว้างในสังคม ซึ่งนำมาสู่ความร่วมมือที่สำคัญในวันนี้คือ ความร่วมมือระหว่างกรมสุขภาพจิต และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ในการกระจายการวัดสุขภาพจิตของคนไทยเบื้องต้น ลงไปถึงประชาชน ในทุกพื้นที่ผ่านกลไกการใช้เทคโนโลยีในการทำงานของพี่น้อง อสม และ อสส ทั่วประเทศเมื่อมองถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ ถือว่ามีการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเราสามารถกลับมาเปิดประเทศได้อีกครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งการทำงานได้เช่นนี้เกิดจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนและบุคลากรสาธารณสุขทุกคน แต่การดูแลเพียงสุขภาพกายอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนไทยโดยรวมในหลายด้าน เพราะฉะนั้นการเฝ้าระวัง และการรับมือในระดับพื้นที่จึงเป็นช่องทางที่สำคัญที่จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงและการสูญเสียจากปัญหาด้านสุขภาพจิตในอนาคต ซึ่ง“การวัดใจ” นี้จะช่วยให้กรมสุขภาพจิตเฝ้าระวังและการรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงทีต่อทุกการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ความร่วมมือความร่วมมือจากบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ครั้งนี้ จะเป็นช่องทางทำให้ อสม. และ อสส ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ได้เครื่องมือสำคัญในการทำงานเพื่อสอดส่องและเฝ้าระวังปัญหาด้านสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นกับประชาชนในทุกพื้นที่ กรมสุขภาพจิตยินดีที่จะดำเนินการสนับสนุนผลิตนวัตกรรมพัฒนาองค์ความรู้ที่เหมาะสมกับการนำไปใช้ประโยชน์ แก่พี่น้องชาว อสม. และ อสส อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกต่อการเรียนรู้เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานเพื่อประชาชนต่อไป

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ในโอกาสวันสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติในปี 2564 นี้ เอไอเอสมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนสนับสนุนให้ประชาชนคนไทย ตระหนักถึงการมีสุขภาพจิตที่ดีด้วยการ วัดสุขภาพใจของตนเองท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ที่ค่อยๆคลี่คลายและดีขึ้นเป็นลำดับ นับจากความร่วมมือของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส และกรมสุขภาพจิต ในงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติในปี 2563 ที่ได้ร่วมกันพัฒนา “รายงานคัดกรองสุขภาพจิต” ขึ้นบนแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัล เพื่อให้หน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้ใช้ในการปฏิบัติงานดูแลสุขภาพของคนในชุมชน โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา อสม.ได้ใช้รายงานคัดกรองสุขภาพจิตบนแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ เพื่อสำรวจคัดกรองสุขภาพจิตของประชาชนในชุมชนไปมากกว่า 1 ล้านคน โดยทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในชุมชน สามารถค้นหาและเข้าถึงผู้ที่อาจมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต เช่น มีความเครียดมาก มีความเสี่ยงซึมเศร้า มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา พร้อมทั้งสามารถดูแลติดตามและจัดบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพใจของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม

จากการติดตามการใช้รายงานคัดกรองสุขภาพจิตในพื้นที่ต่างๆ พบว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ ประชาชนมีภาวะความเครียด และเสี่ยงซึมเศร้าสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีโรคระบาดโควิด โดยกลุ่มที่มีความเครียดและเสี่ยงซึมเศร้า มีทั้งกลุ่มวัยทำงาน ผู้สูงอายุ และวัยรุ่น สำหรับกลุ่มวัยทำงานนั้น เกิดจากความเครียดที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้รายได้ลดลง และถูกเลิกจ้างงาน ส่วนผู้สูงอายุ มีความเครียดที่เกิดจากความวิตกกังวลด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว จะเกิดความเครียดและกังวลว่า หากติดเชื้อโควิดแล้ว อาจทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน ก็จะเกิดความเครียดในการปรับตัว และไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนในวัยเดียวกัน การมีแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ มาใช้ในการประเมินคัดกรองสุขภาพจิต ช่วยให้การทำงานของ อสม.สะดวก รวดเร็ว โดย อสม.จะทราบได้ทันทีว่า สมาชิกในหลังคาเรือนใดที่มีผู้มีความเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต อสม.ก็จะพูดคุยและให้คำแนะนำเบื้องต้น พร้อมทั้งให้กำลังใจก่อนส่งต่อไปให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และทำการติดตามอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ขณะเดียวกันข้อมูลที่ อสม.คัดกรองก็จะถูกส่งผ่านระบบออนไลน์ไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในหน่วยบริการสุขภาพทันที หากพบผู้มีความเสี่ยงปัญหาด้านสุขภาพจิต เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปดูแลและให้คำปรึกษาได้ทันก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ต้องการให้เกิด ทำให้ประชาชนที่ได้รับการคัดกรองได้เข้าถึงบริการอย่างทั่วถึงและครอบคลุม และในโอกาสนี้ เอไอเอสก็มีความยินดีในการให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับกรมสุขภาพจิต ในการส่งเสริมให้ประชาชนได้รับการ “วัดใจ” หรือประเมินสุขภาพจิตของตนเอง โดย อสม.เป็นผู้ช่วยดำเนินการให้โดยผ่านแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันของคนในชุมชนในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพจิต การจัดบริการดูแลสุขภาพใจ ส่งต่อผู้ที่มีความเสี่ยงปัญหาความเครียด ซึมเศร้า และฆ่าตัวตายได้อย่างเป็นระบบจนเกิดเป็นระบบการดูแลของชุมชนที่ดีและประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากระบบสาธารณสุขในชุมชนอย่างแท้จริง

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในนามผู้บริหารและพนักงานของเอ็ม บี เค มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ในการให้ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้ร่วมจัดงาน สัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ประจำปี 2564 ในครั้งนี้ของกรมสุขภาพจิต ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เรายังต้องดูแลป้องกันร่างกายตนเองจากไวรัสโควิด-19 และ ยังต้องดูแลสุขภาพจิตสุขภาพใจเป็นเงาตามตัวไปด้วย เพื่อให้มีกำลังใจที่เข้มแข็งในการดำเนินชีวิตผมเห็นว่างานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติในครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากที่จะช่วยดูแลรักษาใจให้กับพี่น้องประชาชน เพราะในงานมีการจัดกิจกรรมครอบคลุมทุกปัญหาสุขภาพจิตและตอบโจทย์ทุกกลุ่มช่วงอายุตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะได้มาตรวจเช็คสุขภาพใจกันครับ สุดท้ายนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค จะมีโอกาสได้ร่วมกับกรมสุขภาพจิต เพื่อจัดกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ในโอกาสต่อไป

*********************