กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องและวางแผนดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเป็นวันที่สาม โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยอง ปฏิบัติภารกิจสลายฝุ่นละออง ขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่นละอองที่ปกคลุมเมืองหลวงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอยู่ในขณะนี้
วันที่ 17 มกราคม 2562 เวลา 09.45 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวง และการบินเกษตร เปิดเผยว่า การขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.62) พบว่า หลังจากการตรวจวัดสภาพอากาศที่มีความชื้นสัมพัทธ์ในระดับค่อนข้างดีเอื้อต่อการปฏิบัติการฝนหลวง แต่สำหรับค่าการยกตัวของเมฆไม่ดีเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามกรมฝนหลวงฯ เล็งเห็นว่าสภาวะดังกล่าวเข้าเงื่อนไขที่สามารถปฏิบัติการได้ ในระดับหนึ่งเพื่อช่วยเหลือบรรเทาสถานการณ์ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยง จึงตัดสินใจขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง โดยใช้เทคนิคการวางแกนเป็น 2 แกน เพื่อก่อเมฆ คือ แกนที่ 1 จากบริเวณทิศเหนือของ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ถึง บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา หวังผลการปฏิบัติการฝนหลวง ให้ก่อเมฆไปทางซีกตะวันออกของกรุงเทพมหานคร และวางแกนที่ 2 จากบริเวณทิศเหนือของ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ถึง อ.องครักษ์ จ.นครนายก หวังผลการปฏิบัติการฝนหลวงให้ก่อเมฆไปทางซีกตะวันตกของกรุงเทพมหานคร
และจากการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง โดยใช้เรดาร์ของกรมฝนหลวงฯ ในการติดตามการก่อตัวของกลุ่มเมฆ พบว่า หลังจากการวางแกนแล้วประมาณ 2-3 ชั่วโมง เกิดกลุ่มเมฆฝนบริเวณ จ.สมุทรปราการ และบริเวณเขตสายไหม หนองจอก คลองสามวา จ.กรุงเทพมหานคร ผลจากค่าการ ยกตัวของเมฆที่อยู่ในระดับค่อนข้างน้อย ประกอบกับความกดอากาศสูงจากประเทศจีนกำลังปานกลาง แผ่ปกคลุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากสภาพดังกล่าวทำให้มีอิทธิพลต่อการพัฒนาตัวของเมฆ ส่งผลให้การปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ไม่มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
นายสุรสีห์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงในวันนี้ทางกรมฝนหลวงฯ ได้ตรวจวัดสภาพอากาศ พบว่า ความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในระดับค่อนข้างดีพอสมควร แต่ในทางกลับกันค่าการยกตัวของเมฆ อยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อวานนี้ เหตุจากความกดอากาศสูงที่แผ่ปกคลุมเข้ามาใกล้พื้นที่กรุงเทพมหานคร มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติการฝนหลวง อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงฯ ยังคงเตรียมความพร้อมและวางแผนการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลา 10.30 น. จะใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ว่ามีปริมาณเมฆที่ก่อตัวขึ้น จากธรรมชาติมากน้อยเพียงใด รวมทั้งติดตามและตรวจสอบสภาพอากาศอีกครั้งหนึ่งในเวลา 11.00 น. เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้และวางแผนปฏิบัติการฝนหลวง ในกรณีที่มีเมฆซึ่งก่อตัวขึ้นและสภาพของเมฆเข้าเงื่อนไขที่จะปฏิบัติการฝนหลวงได้ก็จะใช้เทคนิคขั้นตอนที่ 2 คือ เลี้ยงให้อ้วน เพื่อจะไปเสริมให้กลุ่มเมฆเหล่านั้นเกิดความสมบูรณ์และไหลเข้ามาในบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร เกิดเป็นฝนตกลงมาชะล้างฝุ่นละอองในอากาศได้ แต่หากเป็นกรณีสภาพของธรรมชาติที่เอื้อให้ปฏิบัติการก่อเมฆและไหลเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครได้นั้น ก็จะใช้เทคนิคในขั้นตอนที่ 1 คือ การวางแกนเมฆต่อไป
ทั้งนี้ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความพร้อมของกรมฝนหลวงฯ ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาภัยพิบัติ ทางธรรมชาติต่างๆ หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีความคือหน้าของการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างไรนั้น พี่น้องประชาชนทุกท่านสามารถติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ทางเว็บไซต์/เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร!!
**************************
#ประชาสัมพันธ์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร!!