รมต.ท่องเที่ยวเผย ร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 เป็นเข็มทิศนำทางให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับมาเข้มแข็ง เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

รมต.ท่องเที่ยวเผย ร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 เป็นเข็มทิศนำทางให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับมาเข้มแข็ง เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้แนวคิด “ พลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน (Building Forward For A better Future for All)”

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันนี้ (30 สิงหาคม 2564) ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติมีมติเห็นชอบหลักการ ร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ เพื่อเป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในระยะ 5 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ พ.ศ. 2566 – 2570 เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม โดยมีเป้าหมายหลักคือ

“การพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน (Building Forward a Better Tourism for All)” ภายใต้วิสัยทัศน์ “การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นคุณค่า มีความสามารถในการปรับตัว เติบโตอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วม (Rebuilding High Value Tourism Industry with Resilience, Sustainability, and Inclusive Growth)”

ทั้งนี้ สาระสำคัญของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 จะให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงทุกรูปแบบ และพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ พัฒนาการท่องเที่ยวให้มีความทันสมัยผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม การยกระดับบุคลากรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ เข้าใจและสามารถปรับตัวให้เข้ากับบริบทของการท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะการฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนให้ความสำคัญกับการบูรณการร่วมกันของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น และภาคประชาชน ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ดังกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) ได้กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เริ่มกระบวนการจัดทำร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 และได้ผ่านกระบวนการรับฟังและระดมความคิดเห็นจากมีผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน ทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค รวม 700 กว่าคน

โดยแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 นี้ เป็นแผนระดับ 3 ที่มีความครอบคลุม เชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นด้านท่องเที่ยว รวมถึงร่างกรอบและทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่ยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวในฐานะที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต อีกทั้งแผนฉบับนี้ได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่มุ่งพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยว่า “หลายประเทศในโลกไม่มีสิ่งต่าง ๆ อย่างที่ไทยมี ในโลกนี้ มีเพียง 20 – 30 ประเทศเท่านั้นที่สามารถใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ ดังนั้น การท่องเที่ยวจะยังคงเป็นสินทรัพย์ (asset) ที่สำคัญของชาติต่อไป ทุกภาคส่วนจึงควรจะต้องร่วมมือกันในการพัฒนาและสร้างความยั่งยืนให้แก่การท่องเที่ยวของไทย และก่อให้เกิดมูลค่าเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อแตกต่างของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 กับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับอื่น ๆ ที่ผ่านมา คือ แผนฉบับนี้ได้ครอบคลุมถึงหลักการของความยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน SDGs ของประเทศไทยได้ครบทั้ง 17 เป้าหมาย นอกจากนี้ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ยังมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนกรอบแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 สู่การสร้างเศรษฐกิจมูลค่าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างสังคมแห่งโอกาสและความเท่าเทียม การมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและการพัฒนาปัจจัยสนับสนุนการพลิกโฉมประเทศไทย เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยสู่การเป็น Hi-Value and Sustainable Thailand หัวใจหลักของการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยในอนาคตนับจากนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการเพื่อพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็ง ต่อยอดการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดรับกับภาวะความปกติถัดไป เพื่อการเติบโตอย่างครอบคลุม ด้วยการพัฒนาแบบองค์รวม โดยจะเป็นการพลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทยไปอย่างสิ้นเชิง เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการท่องเที่ยวมีความเข้มแข็งและสมดุล (Resilience & Re-balancing Tourism) การยกระดับความเชื่อมโยงและโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว (Connectivity) การสร้างความเชื่อมั่นและมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวคุณค่าสูง (Entrusted Experience) และการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมที่ประชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน (People) เศรษฐกิจฟื้นตัว (Profits) ตลอดจนเกิดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Planet) อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และเป้าหมายของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาออกเป็น 4 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 13 กลยุทธ์ และ 26 ตัวชี้วัด โดยยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

1) การเสริมสร้างความเข้มแข็งและภูมิคุ้มกันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation & Resilient Tourism)

2) การปรับปัจจัยพื้นฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เชื่อมโยงและมีคุณภาพสูง (Reconnected Foundation)

3) การยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวครบวงจร โดยมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวเป็นศูนย์กลาง (Traveler’s Experience & Centricity)

4) การส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติสังคม และสิ่งแวดล้อม (Sustainable Tourism Growth)

รายละเอียดเพิ่มเติมของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) สามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ด้านล่างนี้

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน
สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา