ก.ค.ศ. จัดทำ (MOU) กับราชบัณฑิตยสภา สนับสนุนทางวิชาการ และขับเคลื่อนการบริหารงานบุคคล

สำนักงาน ก.ค.ศ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อสนับสนุนทางวิชาการและขับเคลื่อนการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ รศ.ดร. ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้ลงนามความร่วมมือ ทางวิชาการ (MOU) กับ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา โดยมี นางสุปราณี นฤนาทนโรดม นางสาวเจริญวรรณ หนูนาค รองเลขาธิการ ก.ค.ศ. พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญของสำนักงาน ก.ค.ศ. และผู้อำนวยการภารกิจที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน ผ่านระบบออนไลน์ ณ ห้องประชุมสุรัฐ ศิลปอนันต์ อาคารรัชมังคลาภิเษก สำนักงาน ก.ค.ศ. กระทรวงศึกษาธิการ

สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างสำนักงาน ก.ค.ศ. กับสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ในส่วนของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา มี นางดวงตา ตันโช เลขาธิการราชบัณฑิตยสภา เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงทางวิชาการ (MOU) โดยมี นางสาวอารี พลดี เลขานุการกรม รักษาราชการแทนรองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา และผู้เข้าร่วมประชุมสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ซึ่งเป็นการลงนามในบันทึกข้อตกลงพร้อมกันผ่านระบบออนไลน์ และเป็นการดำเนินการภายใต้การป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

โดย รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภาเป็นสถาบันหลักของเครือข่ายทางวิชาการแห่งชาติเป็นองค์การที่ดำเนินการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาความรู้ ที่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการในศาสตร์ด้านต่าง ๆ มีการติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสานงานกับองค์การหรือสถาบันทางวิชาการอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการเผยแพร่ผลงานที่ได้ดำเนินการ รวมทั้งเป็นผู้ให้คำแนะนำทางวิชาการแก่หน่วยงานราชการและประชาชน ซึ่งสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นวิชาชีพชั้นสูงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือในการศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเป็นฐาน รวมทั้งการสนับสนุนทางวิชาการอื่น ๆ จากสถาบันที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากสังคม หน่วยงานทั้งสองจึงเห็นสมควรจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ขึ้น

รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำ ด้านการศึกษาและวิชาการ ด้านการพัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จากสถาบันหรือหน่วยงานทางวิชาการที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากสังคม จะทำให้การพัฒนาระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นวิชาชีพชั้นสูงจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การสนับสนุนในการเป็นกรรมการประเมินวิทยฐานะ การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนเข้าสู่ตำแหน่งในรูปแบบใหม่ รวมทั้งการสนับสนุนงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์ต่อวงการวิชาชีพครู และการจัดการศึกษาของประเทศที่จะเกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

รวมทั้งเป็นการส่งเสริมและพัฒนากลไกการทำงานด้านบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย
ด้าน นางดวงตา ตันโช เลขาธิการราชบัณฑิตยสภา ได้กล่าวภายหลังการลงนามความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ว่า สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ได้เห็นชอบการลงนามความร่วมมือทางวิชาการ และมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุน การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งเป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังทางวิชาการครั้งสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดี และเชื่อว่าในอนาคตการผลิตการพัฒนาครูและการกำหนดกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก็จะได้รับความร่วมมือจากทั้งสองหน่วยงานเป็นอย่างดี