เลขาธิการ คปภ. ออกมาตรการเร่งด่วนด้านประกันภัย เตรียมการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากพายุปาบึก • ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซักซ้อมความพร้อมร่วมกับ สำนักงาน คปภ.ภาค 8-9 กำหนดมาตรการ“ป้องกัน-เยียวยา-ฟื้นฟู” พร้อมส่งหนังสือถึงสมาคมประกันชีวิต-วินาศภัยไทย บูรณาการความช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัยอย่างเต็มที่
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่พายุโซนร้อน “ปาบึก” ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลให้ภาคใต้บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล มีลมแรง ฝนตกเป็นบริเวณกว้างและตกหนักมากในหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่าส่งผลกระทบต่อพืชสวน ไร่ นาข้าว ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแล้ว สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อติดตามดูแลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 สำนักงาน คปภ. ได้มีหนังสือถึงสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทย เรื่องมาตรการในการดูแลสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยขอความร่วมมือสมาคมประกันวินาศภัยไทยและสมาคมประกันชีวิตไทย แจ้งให้ บริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเยียวยาความเสียหายได้ทันท่วงที โดยให้มีการประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบกับประชาชนผู้เอาประกันภัยเพื่อให้ติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการป้องกันความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน และเตรียมความพร้อมรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยขอให้บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต เร่งรัดตรวจสอบความเสียหายและพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม รวมทั้งขอให้สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทยกำชับให้บริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต สรุปรายงานความเสียหายและการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากสถานการณ์ภัยธรรมชาติ นำส่งข้อมูลให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. เพื่อดำเนินการติดตามและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเป็นธรรมต่อไป
นอกจากนี้ยังได้มีบันทึกสั่งการไปยัง สำนักงาน คปภ.ภาค 8-9 ให้บูรณาการการทำงานร่วมกันและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดังนี้
1. บูรณาการการทำงานและอำนวยความสะดวกให้แก่หน่วยงานในพื้นที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบกับประชาชน ผู้เอาประกันภัย เพื่อติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการเยียวยาความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน และเตรียมความพร้อมรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น
2. กรณีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัย ให้ประสานบริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิตในพื้นที่ เพื่อเร่งรัดตรวจสอบความเสียหายและพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม
3. ติดตามและรายงานผลความเสียหายพร้อมเสนอความเห็นประกอบการสั่งการของเลขาธิการให้ฝ่ายยุทธศาสตร์การส่งเสริม เพื่อรวบรวมเสนอต่อเลขาธิการต่อไป
4. กรณีมีเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องสั่งการโดยเร็วให้ผู้อำนวยการ สำนักงาน คปภ.ภาค 8 (สุราษฏร์ธานี) และผู้อำนวยการภาคอาวุโส สำนักงาน คปภ.ภาค 9 (สงขลา) ติดต่อกับเลขาธิการโดยตรง
นอกจากนี้ ยังได้มีการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่างสำนักงาน คปภ.ส่วนกลาง กับ สำนักงาน คปภ.ภาค 8-9 เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และติดตามสถานการณ์เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ โดยกำหนดมาตรการไว้ 3 แนวทางหลักๆ คือ มาตรการป้องกัน ให้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยพื้นที่ที่ยังไม่ถูกน้ำท่วมให้เร่งประสานกับภาคเอกชน เช่น หอการค้าจังหวัด ชมรมประกันภัยจังหวัด เพื่อจัดหาพื้นที่จอดรถที่น้ำท่วมไม่ถึงให้กับประชาชน อันเป็นการลดผลกระทบกรณีรถยนต์ถูกน้ำท่วม
มาตรการที่สอง เป็นมาตรการเยียวยา ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ ให้สำนักงาน คปภ.จังหวัดในการกำกับของสำนักงานคปภ. ภาค 8-9 บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยและประสานความร่วมมือด้านข้อมูลการจัดทำประกันภัย ประสานงานการสำรวจภัยและการประเมินความเสียหาย รวมทั้งรวบรวมข้อมูลความเสียหาย ประสานติดตาม เร่งรัดให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน อย่างรวดเร็ว ถูกต้องและเป็นธรรม พร้อมได้เน้นย้ำให้ยึดถือแนวทางการจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์ที่เคยปฏิบัติเกี่ยวกับการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมเมื่อปี 2554 เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้ทำประกันภัยที่รถยนต์ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย
และมาตรการที่สาม เป็นมาตรการฟื้นฟู ซึ่งหากพื้นที่ใดมีความจำเป็นต้องออกคำสั่งนายทะเบียนเพื่อผ่อนผันเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยในเขตพื้นที่ประสบวาตภัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้เอาประกันภัย เช่น มาตรการในการขยายระยะเวลาการผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย หรือการออกประกาศ สำนักงาน คปภ. เพื่ออนุญาตให้ตัวแทนประกันชีวิต ตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต นายหน้าประกันวินาศภัยในพื้นที่ที่เกิดเหตุวาตภัยที่ใบอนุญาตสิ้นอายุให้สามารถขอขยายระยะเวลาพร้อมขอต่ออายุใบอนุญาต หรือ การเลื่อนวันสอบใบอนุญาตของตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต นายหน้าประกันวินาศภัยในพื้นที่ที่เกิดเหตุวาตภัย ก็ให้รีบเสนอมาเพื่อให้เลขาธิการพิจารณาออกคำสั่ง
รวมทั้งกรณีมีความจำเป็นในการมอบเครื่องอุปโภค บริโภค ต่างๆ เพื่อเป็นการฟื้นฟู ก็ให้สำนักงานภาค 8 และ 9 ประสานเข้ามายังส่วนกลางได้ทันที “ผมขอย้ำว่า สำนักงาน คปภ.จะใช้สรรพกำลังและเครือข่ายภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่เพื่อช่วยเหลือเยียวยาด้านประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่” ดร.สุทธิพล กล่าวในตอนท้าย