เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 64 ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เป็นประธานแถลงผลงานและแถลงข่าว เรื่อง “วิจัยและนวัตกรรมนำไทยสู้ภัย Covid-19” พร้อมแถลงนโยบายและผลงาน อว. วิจัยและนวัตกรรมนำไทยสู้ภัย Covid-19 และผลสำเร็จของงานวิจัยและนวัตกรรม Cold Chain Logistics การพัฒนาโซ่ความเย็นของวัคซีน Covid-19 เพื่อควบคุมอุณหภูมิและติดตาม ตรวจสอบ ย้อนกลับ ในการขนส่งและเก็บรักษา รวมถึงการส่งมอบนวัตกรรมห้อง ICU ความดันลบสำหรับติดตั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม แก่โรงพยาบาล 4 แห่ง คือ ธรรมศาสตร์ ศิริราช ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กรมการแพทย์และกรุงเทพมหานคร
รมว.อว.กล่าวว่า การระบาดของโควิด -19 สิ่งที่สำคัญในการรับมือ ไม่ใช่เพียงแต่การบริหารจัดการที่ดีเท่านั้น แต่การนำองค์ความรู้ด้านงานวิจัยและนวัตกรรม หรือ ผลงานที่สำเร็จ มาใช้งานได้จริง คือ เครื่องพิสูจน์ ว่า บุคลากร อว. มีประสิทธิภาพเพียงใด ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านนวัตกรรม หรือแม้แต่ด้านการแพทย์ สถานที่รองรับการรักษาและการจัดตั้ง รพ.สนาม เป็นต้น ทั้งนี้ อว.มีจุดแข็ง คือ มีบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีโรงเรียนแพทย์เพื่อรองรับการรักษา และในด้านการสนับสนุนก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน เช่น การจัดพื้นที่เพื่อ รพ.สนาม การเตรียมพื้นที่เพื่อการฉีดวัคซีน หรือการตรวจหาเชื้อโควิด -19 ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าเราจะก้าวผ่านโควิด -19 ไปได้อย่างแน่นอน
“ขอย้ำว่า อว. ไม่ได้เพียงแค่ทำงานร่วมกับรัฐบาลในการรับมือด้านบริหารจัดการเพื่อสู้ภัยโควิด-19 เท่านั้น แต่เรายังได้คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ทั้งที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและขั้นกลางเพื่อนำมาใช้ในช่วงวิกฤตินี้ได้ อย่างรวดเร็ว พร้อมยังร่วมมือกับทุกฝ่าย ทุกกระทรวง เพื่อเป็นทั้งด่านหน้าจากกองกำลังของโรงเรียนแพทย์ในสังกัด อว. ที่ระดมกันเต็มสรรพกำลังเพื่อมาช่วยรักษาผู้ป่วย หรือนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับต่างก็ออกมาให้ความเชื่อมั่นกับ ประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องของการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังเป็นกองหนุนที่มีคุณภาพและไว้ใจได้ว่าพร้อมจะสนับสนุนการทำงานใน ทุกๆ ด้านของรัฐบาลเพื่อฝ่าวิกฤติครั้งนี้ จริงอยู่ว่าการทำงานย่อมมีปัญหาหรือติดขัดบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ผมก็มีความมั่นใจว่าเราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดีจากความร่วมมือ ร่วมใจของทุกฝ่าย” รมว.อว.กล่าว
ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ ขณะนี้ อว.ประสบผลสำเร็จจากงานวิจัยและนวัตกรรมเรื่อง “Cold Chain Logistics: การพัฒนาโซ่ความเย็นของวัคซีนโควิด -19 เพื่อควบคุมอุณหภูมิและติดตามสอบย้อนกลับในการขนส่งและเก็บรักษา” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 ที่สามารถพัฒนาระบบบริหารจัดการการกระจายวัคซีนได้ตั้งแต่ต้นทาง คือ ผู้ผลิตจนถึงปลาายทางคือผู้ได้รับวัคซีน โดยเป็นการบริหารจัดการด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในเส้นทางการกระจายวัคซีนโควิด -19 พร้อมใช้ห้อง ICU ความดันลบเคลื่อนที่สำหรับติดตั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ซึ่งได้ส่งมอบให้กับโรงพยาบาล 4 แห่ง ได้แก่ กรมการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมถึงกรุงเทพมหานคร
ดร. วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า งานแถลงข่าวดังกล่าวจัดขึ้น ณ อาคารอุดมศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (ถนนศรีอยุธยา) และถ่ายทอดสดรูปแบบออนไลน์ทางไกลด้วยระบบ ZOOM และผ่าน Facebook live ของ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งภายในงาน ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย เช่น การเสวนา เปิดประเด็นวัคซีน Covid-19 ไขข้อสงสัย การเดินหน้าประเทศไทยด้วยวิจัยและนวัตกรรม และการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาโรคอุบัติใหม่ การส่งมอบนวัตกรรม “ห้อง ICU ความดันลบเคลื่อนที่” สำหรับติดตั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก วช.นอกจากนี้ยังมี การนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่นำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบาย การป้องกันการดูแลรักษา การแก้ไขปัญหาและการบริหารจัดการสถานการณ์อันเนื่องมาจาก Covid-19 ในรูปแบบออนไลน์ซึ่งผลงานวิจัยและนวัตกรรมดังกล่าวได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก วช.