รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่อุดรฯ มอบเงินช่วยครอบครัวตำรวจถูกแก๊งค้ายาซิ่งแหกด่านชนเสียชีวิต พร้อมเปิดอบรมหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพยึดทรัพย์-ให้นโยบายปราบปรามยาเสพติด

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ อุดรธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการฝึกอบรมหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์คดียาเสพติด และมอบนโยบายแนวทางมาตรการ ในการปราบปรามยาเสพติดแนวใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด ให้แก่ ตำรวจ อัยการและผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 12 จังหวัด

โดยมี นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการอุดรธานี พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 4 นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พล.ต.ท. ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต. พิษณุ อรุณหเสรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.บุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พล.ต.พิทักษ์ บุญจันทร์ ผู้บัญชาการมลฑลทหารบกที่ 24 พล.ต.ต. กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายให้การต้อนรับ

โดยในช่วงแรกนายสมศักดิ์ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว ร.ต.อ.วิรัตน์ชัย น้อมระวี รอง สว.กก.3 บก.ปส.2 ผู้กองตร.ปส. ที่ถูกแก๊งค้ายาแหกด่านหนีพุ่งชนจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ถือเป็นการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่จากการปราบปรามยาเสพติด เป็นเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ.2561 จำนวน 500,000 บาท โดยมี ทายาทผู้มารับมอบเงินตอบแทนฯ 4 คน ประกอบด้วย

1.นางคำกอง น้อมระวี มารดา

2.น.ส.เกวรี น้อมระวี ลูกสาว

3.นายวีระเกียรติ น้อมระวี ลูกชาย 

4. ด.ช.อภิวัฒน์ชัย น้อมระวี ลูกชาย

จากนั้นนายสมศักดิ์ กล่าวมอบนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดว่า การประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายยาเสพติด ที่มุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันในการตัดวงจรยาเสพติด รวมถึง การปราบปรามอย่างเข้มข้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว ตนจึงได้กำหนดเป้าหมายการขยายผล ยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติดให้ได้ 6,000 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินงานของ “ศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด” มุ่งตัดวงจรยาเสพติด

โดยกำหนดเป็นมูลค่า การยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถทั้งด้านการสืบสวนสอบสวน เพื่อตอบสนองนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร เพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด ระหว่างวันที่ 10 – 12 ก.พ.โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในพิธีเปิด มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการสืบสวนขยายผลคดียาเสพติด การรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดียาเสพติด การสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินคดียาเสพติดให้เกิดประสิทธิภาพสอดคล้องตามแนวทางของรัฐบาล

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในปี 2564 รัฐบาลโดยกระทรวงยุติธรรม มุ่งเน้นที่จะริบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้ได้จำนวนมากขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า คือ 6,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อยเพื่อเป็นการลิดรอนศักยภาพของนักค้ายาเสพติด ในการดำเนินงานตรวจสอบและริบทรัพย์สินที่ผ่านหากคำนวณจากปริมาณ ยาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่มาเป็นตัวเงิน จะมีมูลค่ามากถึงหลักล้านล้านบาท แต่ในปีหนึ่งๆ เราสามารถยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดได้เพียงหลักพันล้านบาทเท่านั้น จากหลักคิดดังกล่าว จึงนำมาสู่แนวทางใหม่ ในการยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกลุ่มผู้ถูกจับกุมและขยายผลไปยังเครือข่ายการค้า

โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีการทำธุรกรรม ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สำหรับวิธีการดำเนินการนั้น ได้สั่งการให้จัดตั้งทีมสืบสวนขยายผล โดยใช้เครื่องมือพิเศษเชื่อมโยงกับทุกคดี ให้มีการตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วมาดูแล ให้มีการประเมินมูลค่ายาเสพติดตามมูลค่าจริง และให้ติดตามยึดทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ ผู้กระทำผิดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้รับจากการค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด

“ท่านนายกฯติดตามและกำชับผมตลอด ในเรื่องของการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การใช้กฎหมายสมคบคิดและการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด เพื่อให้การปราบปรามได้ถึงต้นตอและตัวการ เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังในการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด และการดำเนินงานในลักษณะเน้นการสืบสวนยึดทรัพย์นั้น จะเป็นการป้องกันการสูญเสีย เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ต้องลงไปตั้งด่านสกัดจับกุมมาก เพียงเราใช้เครื่องมือสืบสวนต่อยอดจากธุรกรรมและเส้นทางการเงิน ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน”นายสมศักดิ์ กล่าว