ซีพีเอฟ มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ชูเศรษฐกิจหมุนเวียน ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน  

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ  ตอกย้ำเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางอาหาร และขับเคลื่อนองค์กรดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มุ่งมั่นเพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทดแทน ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดปริมาณอาหารสูญเสียในกระบวนการผลิต   (Food Loss)  และขยะอาหาร   (Food Waste) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งที่ได้การรับรอง สู่กระบวนการผลิตที่ยั่งยืน

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า  ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  สร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนไทยและประชากรโลก  โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาพัฒนาใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า  เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก  ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย  พร้อมมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นองค์กรปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์  (Net – Zero  Carbon) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050)

ในปี 2564  บริษัทฯ มีแผนประกาศกลยุทธ์และเป้าหมายด้านความยั่งยืน ภายในปีพ.ศ.2573 (ค.ศ.2030)  โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน   การจัดซื้อวัตถุดิบในห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มุ่งเน้นกระบวนการผลิตอาหารยั่งยืน  การลดปริมาณอาหารสูญเสียในกระบวนการผลิต และขยะอาหาร และการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

                
ในส่วนของนโยบายด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ยังคงดำเนินการตามนโยบายต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2563   โดยธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ฟาร์มปศุสัตว์ (Farm) และ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป (Food) ปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนคิดเป็น  26 % ของการใช้พลังงานทั้งหมดของซีพีเอฟ ซึ่งมาจากโครงการโซล่าร์ รูฟท็อป (Solar  Rooftop)  ติดตั้งบนหลังคาโรงงานและอาคารสำนักงาน  24 แห่ง  และ โครงการโซล่าร์ ฟาร์ม  (Solar Farm) แบบติดตั้งบนพื้นดินในฟาร์มสุกร  16 แห่ง ซึ่งจะขยายสู่ทุกฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทั่วประเทศ   

นโยบายลดการใช้พลาสติกยังเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการตามนโยบายและแนวปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้สำหรับกิจการในประเทศไทย จะต้องนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ได้ (Upcyclable)  หรือย่อยสลายได้ (Compostable)  100 % ภายในปี  พ.ศ. 2568 และสำหรับกิจการในต่างประเทศ ภายในปี พ.ศ.  2573  ขณะที่ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์พลาสติกของบริษัทฯสามารถนำมาใช้ซ้ำและนำมาใช้ใหม่ได้ 99.99 %

ด้านกระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน บริษัท ฯ ได้ประกาศนโยบายการจัดการอาหารสูญเสียและขยะอาหาร (Food Loss and Food Waste Policy) ในปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญในการลดปริมาณการสูญเสียอาหารในกระบวนการผลิต  และของเสียจากการเหลือทิ้ง โดยทำโครงการนำร่องในธุรกิจไก่เนื้อและไก่ไข่ เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงานให้กับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ

นายวุฒิชัย ยังได้กล่าวถึง  ภาพรวมการดำเนินงานด้านความยั่งยืน  ในปี พ.ศ.  2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 4   ด้านหลัก  ได้แก่  ลดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยการผลิต  15 % เมื่อเทียบปีฐาน 2558  ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต 15 %  เทียบปีฐาน 2558   ลดปริมาณการดึงน้ำมาใช้ต่อหน่วยการผลิต 25% เทียบปีฐาน 2558  มาจากการลดการนำน้ำมาใช้ของสายธุรกิจสัตว์น้ำ  โดยใช้ระบบหมุนเวียนน้ำในฟาร์มกุ้ง  และการลดปริมาณของเสียที่กำจัดโดยการฝังกลบต่อหน่วยการผลิต 30 % เทียบปีฐาน 2558

นอกจากนี้  บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบทางการเกษตร ไม่ได้มาจากแหล่งที่มีการบุกรุกป่า โดย 100 % ของคู่ค้าธุรกิจหลักในกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครื่องปรุง  และบรรจุภัณฑ์ได้รับการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน พร้อมกันนี้  ซีพีเอฟส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานตามหลักสากลในด้านสิทธิมนุษยชน  ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้รับการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า  50,000  ราย เป็นต้น

“ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ซีพีเอฟ ยังคงให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยสูงสุดกับพนักงาน แรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ คู่ค้าและในกระบวนการผลิตเพื่อให้การผลิตอาหารดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและประชากรโลกได้เข้าถึงอาหารที่มีสุขโภชนาการและสุขภาวะที่ดีอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์  โดยสนับสนุนอาหารให้กับแพทย์ พยาบาล  โรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด  ผู้กักตัว ฯลฯ  เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหยุดการแพร่กระจายของโรค”  นายวุฒิชัย กล่าว

ซีพีเอฟ  กำหนดเป้าหมายดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน 3  เสาหลัก  คือ  อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดิน น้ำ ป่า คงอยู่  โดยมีการทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานต่อสาธารณชน ผ่านการจัดทำรายงานความยั่งยืนประจำปี  ซึ่งในปี  2563  จัดทำรายงานเป็นปีที่ 7  และในปีนี้  ซีพีเอฟยังคงเดินหน้าสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

——————