วันที่ 8 มกราคม 2564 เวลา 11.00 น. นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมแพทย์สาธารณสุขและประชาชนในพื้นที่เสี่ยง จุดตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding) ที่เทศบาลตำบลตลาดเกรียบ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยให้โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดมาดำเนินการตรวจค้นหาเชิงรุก หากพบเร็ว รักษาเร็ว จะเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้เร็วเช่นกัน
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสมุทรสาคร กลุ่มผู้มีกิจกรรมที่ภาคตะวันออก และกลุ่มอ่างทอง ซึ่งกลุ่มใหญ่จะเป็นผู้เดินทางไปสนามชนไก่จังหวัดอ่างทอง โดยมีมาตรการเชิงรุก จังหวัดมีมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้โรงพยาบาลเอกชนภายในจังหวัด 3 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลศุภมิตรเสนา และโรงพยาบาลการุญเวช มาร่วมดำเนินการตรวจค้นหาเชิงรุก โดยเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี จนถึงขณะนี้ ซึ่งวันนี้ได้ร่วมสังเกตุการณ์ตรวจเชิงรุกที่เทศบาลตำบลตลาดเกรียบ อำเภอบางปะอินโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สังเกตการณ์ เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานประกอบการเบิกจ่ายให้ตามระเบียบราชการ การดำเนินการตรวจเชิงรุกมีข้อดี คือ เมื่อพบได้เร็ว จะควบคุมได้เร็ว และรักษาได้เร็ว ลดความเสี่ยงกับประชาชนทั่วไป ในส่วนของภาครัฐจะดำเนินการอย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข และช่วยประชาสัมพันธ์ให้เพื่อน ญาติ หรือคนรู้จักที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงทั้งหลายออกมาตรวจโดยเร็ว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และหากมีข้อสงสัย ปรึกษาสายด่วนได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างรอผล ขอให้ท่านกักตัวอยู่ในบ้าน ใส่หน้ากากตลอดเวลา จนกว่าท่านจะทราบผล ส่วนผู้ไม่พบเชื้อสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสการพบเห็นผู้ทำกิจกรรมในกลุ่มเสี่ยง ได้ที่ เพจผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อนำไปตรวจเชื้อและควบคุมโรคต่อไป สิ่งสำคัญขอให้พี่น้องเอาใจใส่ป้องกันตนเอง โดยใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย การรักษาระยะห่าง การล้างมือบ่อยๆ การรับประทานอาหารใช้ช้อนส่วนตัว หลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีคนมากๆ
ในส่วนมาตรการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด จังหวัดได้ดำเนินการตามตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนด ตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 16) โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการร่วมฝ่ายความมั่นคงและตำรวจในการตั้งจุดตรวจในเส้นทางหลักในพื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ควบคุมสูงสุด กับพื้นที่ควบคุม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 – 31 มกราคมนี้ เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัด มีมากกว่า 2,700 แห่ง และมีบุคลากรในสถานประกอบการกว่า 320,000 ราย ซึ่งมีความจำเป็นต้องขนส่งเคลื่อนย้ายบุคลากร วัตถุหรืออะไหล่รวมถึงอุปกรณ์ ตลอดจนขนส่งผลิตภัณฑ์และสินค้าไปยังแหล่งจำหน่าย ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค จึงกำหนดมาตรการสำหรับสถานประกอบการ ดังนี้ กรณีย้ายบุคลากรหรือแรงงานจากพื้นที่ในจังหวัดข้างเคียงซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเดินทางไปยังสถานประกอบการในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้จัดทำแบบแสดงเหตุผลความจำเป็นในการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะเตรียมบัตรประจำตัวประชาชน/ใบอนุญาตขับรถยนต์ไว้ เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจ มาตรการสำหรับประชาชน ซึ่งระบุรายละเอียดตามแบบที่กำหนด และในกรณีที่ประชาชนมีความจำเป็นในการเดินทางข้ามเขตจังหวัดให้จัดทำแบบแสดงเหตุผลความจำเป็นในการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งระบุรายละเอียดตามแบบที่กำหนด จำนวนอย่างน้อย 2 ชุด โดยชุดหนึ่งเก็บไว้ประจำรถ และสำเนาเตรียมไว้เพื่อมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจจำนวนจุดละ 1 ชุด สำหรับผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ มีโทษปรับ 20,000 บาท
ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เว็บไซต์ http://pr.prd.go.th/ayutthaya