เวลา 09.00 น. วันที่ 7 ม.ค. นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ผู้แทน สปสช และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมแพทย์สาธารณสุขและประชาชนในพื้นที่เสี่ยง จุดตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding) ที่เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา (ตลาดเจ้าพรหม) จากกรณีพบผู้ติดเชื้อรายที่ 11 เป็นชายไทย อายุ 51 ปี พักอาศัยที่บ้าน ตำบลหอรัตนไชย (ตลาดเจ้าพรหม) มีประวัติเดินทางไปสนามชนไก่ในจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยให้โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดมาดำเนินการตรวจค้นหาเชิงรุก หากพบเร็ว รักษาเร็ว จะเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้เร็วเช่นกัน ซึ่งได้ทำการตรวจค้นหาผู้สงสัย เริ่มตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ รายที่ 1 – 15 ตรวจแล้วกว่า 6 พันราย ไม่พบเชื้อ 2 พันรายเศษ อยู่ระหว่างรอผล 4
พันราย สำหรับวันนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม รวมผู้ระลอกใหม่ทั้งสิ้น 15 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 4 ราย
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีผู้ป่วยยืนยันระลอกใหม่ทั้งสิ้น 15 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสมุทรสาคร กลุ่มผู้มีกิจกรรมที่ภาคตะวันออก และกลุ่มอ่างทอง ซึ่งกลุ่มใหญ่จะเป็นผู้เดินทางไปบ่อนไก่จังหวัดอ่างทอง ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขได้นำผู้สัมผัสชิดกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดเข้าตรวจและทำการรักษาที่โรงพยาบาลแยกโรค อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาแล้ว หากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขอประชาชนอย่าได้กังวลใจ ถือว่าเป็นประสิทธิภาพของทีมสาธารณสุขในการตรวจค้นหา เพื่อนำเข้าระบบการรักษาที่หอแยกโรคต่อไป
ด้านมาตรการเชิงรุก จังหวัดมีมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้โรงพยาบาลเอกชนภายในจังหวัด 3 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลศุภมิตรเสนา และโรงพยาบาลการุญเวช มาร่วมดำเนินการตรวจค้นหาเชิงรุก โดยเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี จนถึงขณะนี้ได้ตรวจแล้วกว่า 6 พันราย ไม่พบเชื้อ 2 พันรายเศษ อยู่ระหว่างรอผล 4 พันราย จะทราบผลภายใน 2 วัน ซึ่งวันนี้ได้ร่วมสังเกตุการณ์ตรวจเชิงรุกที่เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สปสช.ร่วมสังเกตการณ์ เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานประกอบการเบิกจ่ายให้ตามระเบียบราชการ การดำเนินการตรวจเชิงรุกมีข้อดี คือ เมื่อพบได้เร็ว จะควบคุมได้เร็ว และรักษาได้เร็ว ลดความเสี่ยงกับประชาชนทั่วไป
ในส่วนของภาครัฐจะดำเนินการอย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข และช่วยประชาสัมพันธ์ให้เพื่อน ญาติ หรือคนรู้จักที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงทั้งหลายออกมาตรวจโดยเร็ว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และหากมีข้อสงสัย ปรึกษาสายด่วนได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างรอผล ขอให้ท่านกักตัวอยู่ในบ้าน ใส่หน้ากากตลอดเวลา จนกว่าท่านจะทราบผล ส่วนผู้ไม่พบเชื้อสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสการพบเห็นผู้ทำกิจกรรมในกลุ่มเสี่ยง ได้ที่ เพจผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อนำไปตรวจเชื้อและควบคุมโรคต่อไป สิ่งสำคัญขอให้พี่น้องเอาใจใส่ป้องกันตนเอง โดยใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย การรักษาระยะห่าง การล้างมือบ่อยๆ การรับประทานอาหารใช้ช้อนส่วนตัว หลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีคนมากๆ
ในส่วนมาตรการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด จังหวัดได้ดำเนินการตามตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนด ตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 16) โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการร่วมฝ่ายความมั่นคงและตำรวจในการตั้งจุดตรวจในเส้นทางหลักในพื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ควบคุมสูงสุด กับพื้นที่ควบคุม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 – 31 มกราคมนี้ เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัด มีมากกว่า 2,700 แห่ง และมีบุคลากรในสถานประกอบการกว่า 320,000 ราย ซึ่งมีความจำเป็นต้องขนส่งเคลื่อนย้ายบุคลากร วัตถุหรืออะไหล่รวมถึงอุปกรณ์ ตลอดจนขนส่งผลิตภัณฑ์และสินค้าไปยังแหล่งจำหน่าย ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค จึงกำหนดมาตรการสำหรับสถานประกอบการ ดังนี้ กรณีย้ายบุคลากรหรือแรงงานจากพื้นที่ในจังหวัดข้างเคียงซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเดินทางไปยังสถานประกอบการในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้จัดทำแบบแสดงเหตุผลความจำเป็นในการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะเตรียมบัตรประจำตัวประชาชน/ใบอนุญาตขับรถยนต์ไว้ เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจ มาตรการสำหรับประชาชน ซึ่งระบุรายละเอียดตามแบบที่กำหนด
และในกรณีที่ประชาชนมีความจำเป็นในการเดินทางข้ามเขตจังหวัดให้จัดทำแบบแสดงเหตุผลความจำเป็นในการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งระบุรายละเอียดตามแบบที่กำหนด จำนวนอย่างน้อย 2 ชุด โดยชุดหนึ่งเก็บไว้ประจำรถ และสำเนาเตรียมไว้เพื่อมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจจำนวนจุดละ 1 ชุด
—————-