รมว. ดีอีเอส เปิดตัวผู้รับทุนกองทุนดิจิทัล

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานพิธีลงนามสัญญารับทุนกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ครั้งที่ 2 ณ ห้องวีนัส ชั้น 3 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการลงนามสัญญารับทุนกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ครั้งที่ 2 จำนวน 41 โครงการ วงเงินทั้งสิ้นกว่า 588 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคมนี้ และหากโครงการที่กองทุนได้ให้การส่งเสริม สนับสนุนแล้วเสร็จ จะส่งผลต่อประชาชนในภาพรวมในหลายด้าน ด้านการค้า/ธุรกิจ/บริการ ด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ด้านการสาธารณสุข ด้านการเกษตร พร้อมเชิญชวนผู้สนใจเตรียมยื่นข้อเสนอโครงการซึ่งคาดว่าจะเปิดรับข้อเสนอได้ต้นปี 2564 นี้

นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยว่านับแต่ก่อตั้งกองทุนฯ ได้มีการเปิดรับข้อเสนอโครงการแล้วจำนวน 4 ครั้ง รวมจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติสนับสนุนทั้งสิ้น 148 โครงการ งบประมาณที่อนุมัติกว่า 2,600 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการตามประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการ/กิจกรรมของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ให้การส่งเสริม สนับสนุน ให้ความช่วยเหลือส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ โรงพยาบาลของรัฐ สถานพยาบาลภาครัฐ โรงพยาบาลในมหาวิทยาลัยโรงเรียนแพทย์ และสภากาชาดไทย โดยในฐานะผู้บริหารกองทุนฯ ยืนยันความตั้งใจว่า กองทุนเน้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต่อยอดการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนผลักดันให้เกิดโครงการด้านดิจิทัลที่ผลักดันให้ประเทศไทย เป็นประเทศในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างมูลค่า และขับเคลื่อนระบบ เศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนในระยะยาว

นายพุทธิพงษ์ ได้กล่าวเน้นย้ำ และสร้างความเชื่อมั่นอีกว่าพิธีลงนามสัญญารับทุนระหว่างกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และโครงการที่ผ่านการคัดเลือกถือได้ว่าผ่านการพิจารณากลั่นกรองมาอย่างเข้มข้น เป็นการร่วมแรงร่วมใจระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านดิจิทัล และยกระดับการพัฒนาดิจิทัลของไทยที่มีบทบาทอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมสากล โดยผ่านการขับเคลื่อนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่มีบทบาทในการผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ การสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และลดช่องว่างทางสังคม ช่วยให้ความรู้และทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมกับบุคลากรทุกกลุ่ม รวมถึงการพัฒนากระบวนทัศน์การทำงานและการให้บริการของภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล

………………………………………………..