กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส่งหนังสือแจ้งเวียนถึงสถานพยาลเอกชนทั่วประเทศ เฝ้าระวังระวังมิให้ตกเป็นเครื่องมือของนายหน้า หรือเอเจนซี่ที่นำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาตรวจสุขภาพกับสถานพยาบาลไทย ก่อนนำผลตรวจไปบิดเบือนเพื่อเรียกรับผลประโยชน์
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างให้ความนิยมในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลจากกองสุขภาพระหว่างประเทศ กรม สบส.เผยว่าตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม พ.ศ.2561 มียอดสะสมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยเกือบ 26 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2560 ประมาณร้อยละ 10 ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย จึงอาจจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่หวังฉกฉวยผลประโยชน์จากชื่อเสียงของสถานพยาบาลไทย โดยแอบแฝงมาในรูปแบบของนายหน้าหรือเอเจนซี่ (Agency) ชาวต่างชาติทำการชักชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามารับบริการตรวจสุขภาพจากสถานพยาบาลไทย ก่อนนำผลตรวจสุขภาพของสถานพยาบาลไทยไปบิดเบือน
ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสถานพยาบาลไทยอีกด้วย
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า จากกรณีดังกล่าวข้างต้น จึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส.ทำหนังสือแจ้งเวียนถึงสถานพยาบาลเอกชนทั่วประเทศให้เฝ้าระวัง และร่วมสอดส่องดูแลมิให้มีการนำผลตรวจสุขภาพของผู้ป่วยไปบิดเบือนเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ต่อ ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายอาหารเสริม หรือหลอกลวงให้รับบริการรักษาพยาบาลต่อกับนายหน้าหรือเอเจนซี่ โดยให้สถานพยาบาลแจ้งผลตรวจสุขภาพกับตัวผู้ป่วยเท่านั้น ห้ามนำผลตรวจสุขภาพของผู้ป่วยไปแจ้งแก่บุคคลที่ 3 (นายหน้า หรือเอเจนซี่) ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย และมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541
ทั้งนี้ประชาชนทุกคนสามารถร่วมเป็นเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคในด้านระบบริการสุขภาพได้หากพบเห็นหรือทราบเบาะแสการนำผลตรวจสุขภาพไปบิดเบือนเรียกรับผลประโยชน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร ขอให้แจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 หรือทางเฟซบุ๊ค “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส. กระทรวงสาธารณสุข” แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาค สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในวันและเวลาราชการ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและลงโทษกับผู้กระทำผิดกฎหมายต่อไป