เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ “1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย”

“เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รมว.อว. เปิดโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย จ้างงาน 6 หมื่นคน เผยรัฐบาลห่วงปัญหาการว่างงานมากกว่าการชุมนุมทางการเมืองของเยาวชน ชี้ 1 ปีของการจ้างงานต้องทำให้เหมือนอยู่ใน “ตักสิลา” ของความรู้ คู่การปฏิบัติ พร้อมต้องเปลี่ยนทัศนคติให้มองประเทศไทยในเชิงบวก เห็นโอกาสและทางรอดของประเทศ

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงานเปิดตัวโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ หรือ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน และกล่าวว่า โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ หรือ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกฝ่าย เพราะเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมของประเทศที่จะมีคนว่างงานจำนวนมากจากภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวจากสถานการณ์โควิด – 19 โดยจะมีการจ้างงาน นิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงประชาชน จำนวน 6 หมื่นคน เพื่อไปทำงานร่วมกับชุมชน จำนวน 3000 ตำบลทั่วประเทศ คนที่ได้รับการจ้างงาน 6 หมื่นคนคือความหวังของครอบครัว และครอบครัวจะดีใจที่ลูกหลานได้งานทำซึ่งย่อมจะช่วยเยียวยารายได้ของครอบครัวได้ อย่างน้อย 1 ปี และ ที่สำคัญมีเรื่องที่น่ายินดียิ่งขึ้นอีก คือ อว.กำลังทำโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะมีการจ้างงานอีก 4,900 ตำบล ครบทุกตำบลจะมีงานทำ ซึ่งนิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงประชาชน จะได้งานทำถึง 150,000 คน

รมว.อว. กล่าวต่อว่า ปัญหาการว่างงานสำคัญมากสำหรับประเทศ และนิสิตนักศึกษาที่จบการศึกษาแล้วไม่มีงานทำถือเป็นเรื่องใหญ่ นี่คือปัญหาที่รัฐบาลห่วงใยมากกว่าปัญหาที่นิสิตนักศึกษาออกมาชุมนุมทางการเมือง รัฐบาลได้จัดสรรเงินมาช่วยแก้การว่างงานของนิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ รวมทั้งจะพัฒนาทักษะใน 4 ด้าน ได้แก่ ดิจิทัล การเงิน สังคมและภาษาอังกฤษ ควบคู่ไปกับทักษะเฉพาะด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในพื้นที่

“แต่สิ่งที่ ผมอยากจะฝากคือ ในช่วงเวลา 1 ปี นิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงประชาชน จำนวน 6 หมื่นคน มาทำงานกับ อว.คือ จะทำอย่างไรให้พวกเขาเหล่านั้นมองเห็นประเทศไทยในเชิงบวก ไม่มองแต่เชิงลบ แน่นอนปัญหาต่างๆของประเทศมีอยู่ ไม่ปฎิเสธแต่ก็ต้องมองปัญหาที่มีอยู่เพื่อแก้ไขในทางที่สร้างสรรค์และก็ต้องมองปัญหาในเชิงบวกด้วย ประเทศถึงจะเดินหน้าได้” ศ.(พิเศษ) ดร.เอนกฯ กล่าวและขยายความว่า สรุปแล้วโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ หรือ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย มีเป้าหมาย คือ 1. แก้ปัญหาการว่างงาน แก้ปัญหาความยากจนของชุมชนเพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจพอเพียง ยั่งยืน 2. ฝึกเด็กให้เป็นนักสำรวจวิจัยเพื่อทำความเข้าใจ ในการทำข้อมูลชุมชนหรือ Bigdata เพื่อนำไปสู่การพัฒนารายพื้นที่ 3. ให้นิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงประชาชน 6 หมื่นคนมีสำนึกของการปฎิบัติให้มาก ได้เรียนรู้จากการปฎิบัติ เพลิดเพลินกับการปฎิบัติโดยมีทฤษฎีจาก 76 มหาวิทยาลัยที่จะลงไปร่วมทำงานกับคน 6 หมื่นคน ผสมผสาน โดยต้องทำให้ 1 ปีของโครงการนี้เหมือนเยาวชนได้เข้าไปอยู่ในตักสิลาแห่งความรู้ของประเทศ

…………………………………….