บ่ายวันที่ 25 กันยายน 2561 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นางชาริตา ลีลายุทธ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อเปิดตัวแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” ซึ่งเป็นความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง และมาตรการลดหย่อนภาษีของรัฐบาล ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 หวังสร้างรายได้ลงยังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ผ่านแพ็คเกจท่องเที่ยว 20 เส้นทาง 10 เส้นทางการบิน เน้นเดินทางเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองรอง สัมผัสชุมชน วัฒนธรรมท้องถิ่น อาหารการกิน ผลิตภัณฑ์ชุมชนและธรรมชาติตามฤดูกาล ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร ททท.
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าฯททท. กล่าวว่า ททท. ได้ดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยว 55 เมืองรองอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2561 โดยได้กำหนดแนวทางด้านการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองกระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ภายใต้แคมเปญ “Amazing Thailand Go Local หรือ เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” เพื่อกระจายโอกาสในเชิงพื้นที่ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าสู่เมืองรองและชุมชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน โดยจะเป็นการปรับสัดส่วนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติในพื้นที่เมืองหลักต่อเมืองรอง จาก 70:30 เป็น 65:35 อีกทั้งกระจายโอกาสในเชิงรายได้จากการท่องเที่ยวให้ลงสู่เศรษฐกิจฐานรากไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งแนวทางดังกล่าว ททท. ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง อาทิ การจัดกิจกรรมใหญ่ในจังหวัดเมืองรอง การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่มุ่งไปยัง 55 เมืองรอง ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโตของนักท่องเที่ยวในเมืองรองในภาพรวมมีทิศทางที่ดี โดยด้านจำนวนขยายตัวเพิ่มมากกว่าร้อยละ 5 โดยเฉพาะในกลุ่ม “เมืองต้องห้ามพลาด…พลัส” เนื่องจากมีการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องค่อนข้างเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว โดยเมืองรองที่มีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บุรีรัมย์ (+8.39%) , พัทลุง (+7.60%), แม่ฮ่องสอน (+7.32%), ปัตตานี (+7.26%) และ ราชบุรี (+7.18%) ตามลำดับ
ในส่วนของแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” นี้ ททท. ได้สนับสนุนในส่วนของการพิจารณาเส้นทางของแพ็คเกจลักษณะ Local Link 3 แบบ A B C ได้แก่ Additional จากเมืองหลักเชื่อมสู่เมืองรอง อาทิ เชียงใหม่-ลำพูน / เชียงใหม่-ลำปาง / ขอนแก่น – อุดรธานี – หนองคาย / กระบี่ – ตรัง / สงขลา(หาดใหญ่) – สตูล- พัทลุง Brand New เที่ยวในเมืองรองศักยภาพ อาทิ เชียงราย แม่ฮ่องสอน อุบลราชธานี และ Combination จากเมืองรองสู่เมืองรอง อาทิ อุดรธานี – เลย / อุดรธานี – บึงกาฬ / นราธิวาส – ยะลา – ปัตตานี โดยในแต่ละเส้นทาง ททท. ได้เสริมกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การได้เข้าไปสัมผัสชุมชนที่มีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวสูง ชิมอาหารท้องถิ่น ร่วมทำกิจกรรม DIY งานฝีมือ Work Shop อาหาร ต่างๆ ชมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติตามฤดูกาล แหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาด วัดสำคัญ แหล่งช้อปปิ้ง อีกทั้งยังสามารถเลือกเส้นทางท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลาย ตอบสนองนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่ชอบเดินทางแบบจัดเส้นทางเอง (FIT) แบบหมู่คณะ แบบครอบครัว กลุ่มวัยเก๋า กลุ่ม Gen Y ก็เดินทางได้สะดวกเช่นกัน ทั้งนี้ ททท. จะดำเนินการด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์แคมเปญโดยเร่งสร้างการรับรู้ในช่วงแรกของการเปิดตัวโครงการและจะสื่อสารอย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับข่าวสารกระตุ้นการเดินทางตลอดช่วงการดำเนินโครงการ
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท การบินไทยฯ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ พร้อมสนับสนุนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล โดยการบินไทยร่วมเป็นพันธมิตรกับ ททท. ไทยสมายล์ และธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้หลักของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการพัฒนาและการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนและพื้นที่เมืองรองของประเทศ โดยการบินไทยมีส่วนร่วมในภาคของธุรกิจการบิน เนื่องจากการบินไทยนำนักเดินทางและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าสู่เมืองไทยปีละ ประมาณ 25 ล้านคน จาก 61 จุดบิน 31 ประเทศ ซึ่งการบินไทยสามารถส่งนักเดินทางและนักท่องเที่ยวเหล่านี้เข้าสู่เมืองต่างๆ ของประเทศ รวมทั้งเมืองรอง ด้วย 10 จุดหมายปลายทางของการบินไทยและไทยสมายล์ อาทิ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ นราธิวาส กระบี่ และภูเก็ต นอกจากนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้การท่องเที่ยวเมืองรอง การบินไทยโดยทัวร์เอื้องหลวง ได้ร่วมจัดแพ็คเกจทัวร์สนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองจาก 10 เส้นทางบิน ไปยัง 20 เมืองรองในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ด้วยโปรแกรมท่องเที่ยว ในราคาที่คุ้มค่าและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ ทั้งในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ที่พัก รถรับส่ง รวมถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง โดยจะเริ่มจำหน่ายแพ็คเกจทัวร์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 – 31 ธันวาคม 2561 รวมทั้งสิ้น 20 โปรแกรม อาทิ โปรแกรมท่องเที่ยววิถีชุมชนในจังหวัดต่างๆ เช่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน, โปรแกรมท่องเที่ยวเส้นทางวัฒนธรรมและอารยธรรมสำคัญ เช่น เยือนอีสาน ตามรอยบั้งไฟพญานาค เที่ยวชมทะเลบัวแดง , โปรแกรมท่องเที่ยวสถานที่ Unseen ของประเทศ เช่น ปราสาทหินพันยอด สถานที่ Unseen แห่งใหม่ที่จังหวัดสตูล สระมรกต จังหวัดตรัง สามพันโบก แกรนด์แคนยอนของเมืองไทย จังหวัดอุบลราชธานี, โปรแกรมท่องเที่ยวแบบอิสระที่จะให้บริการเฉพาะบัตรโดยสารและโรงแรม สำหรับลูกค้าที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวเองแบบอิสระ นอกจากนี้ ลูกค้าทัวร์เอื้องหลวงที่ชำระเงินตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับ Dining Voucher จากโรงแรม เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ มูลค่า 1,500 บาท สำหรับผู้ที่สนใจจองรายการท่องเที่ยวและบริการอื่นๆ ของทัวร์เอื้องหลวง สามารถติดต่อจองหรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 02-288-7335 หรือที่เว็บไซต์ thaiairways.com/roh
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา การบินไทยได้จัดงานเสวนา “สานพลังพันธมิตร เพื่อไทยก้าวไกลอย่างยั่งยืน” โดยมีผู้บริหารสูงสุดของ 3 รัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ ททท. การท่าอากาศยานไทย จำกัด และ ธ.กรุงไทย ร่วมในการเสวนา ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมพลังระหว่างรัฐวิสาหกิจของไทย เพื่อให้อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของไทย มีศักยภาพและช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นางชาริตา ลีลายุทธ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ กล่าวว่า นโยบายเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษี ไม่เพียงแต่จะมีข้อดีที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้เสียภาษีได้เพิ่มตัวเลือกที่จะนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งถือว่าเป็นภาคเศรษฐกิจหลักที่สำคัญ ไทยสมายล์ได้ขานรับนโยบายเที่ยวเมืองรอง โดยได้ดำเนินสนับสนุน ด้านการประชาสัมพันธ์นโยบายดังกล่าวผ่านทางช่องทางสื่อต่างๆ ของไทยสมายล์ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ออกโปรแกรมส่งเสริมการขายอยู่เป็นระยะ เพื่อร่วมสื่อสารประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเมืองรองให้มากที่สุด ปัจจุบัน ไทยสมายล์ได้ให้บริการใน 10 เส้นทางภายในประเทศ ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี นราธิวาส กระบี่ ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี ซึ่งทั้ง 10 เส้นทางบินยังเป็นเส้นทางที่จะเชื่อมต่อไปยังเมืองรองทั้ง 55 จังหวัด ได้อย่างสะดวกสบาย
สายการบินไทยสมายล์ยังได้ร่วมกับตัวแทนจำหน่ายจัดแพคเกจทัวร์เที่ยวเมืองรองแบบสุดคุ้มไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดเมืองรอง 4 เส้นทาง อาทิ เส้นทางจังหวัดนราธิวาส มาพร้อมโปรแกรมท่องปลายสุดปลายขวานทอง นราธิวาส-บาเจาะ-ตากใบ-สุไหงโก-ลก สัมผัสบรรยากาศแม่น้ำสำคัญ 3 ใน 4 สายของจังหวัดนราธิวาส (3 วัน 2 คืน) ราคาเริ่มต้นที่ 7,200 บาท/ท่าน เส้นทางหาดใหญ่ –พัทลุง ท่องสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ชื่นชมธรรมชาติ วิถีประมงพื้นบ้าน (2 วัน 1 คืน) ราคาเริ่มต้นที่ 8,800 บาท/ท่าน เส้นทางสุราษฏร์ธานี – ระนอง ท่องเขื่อนเชี่ยวหลาน เกาะหัวใจมรกต ดำน้ำเกาะหัวใจ (3 วัน 2 คืน) ราคาเริ่มต้นที่ 16,800 บาท/ท่าน และเส้นทางแม่ฮ่องสอน-ปาย เที่ยวชมประติมากรรมอันน่าอัศจรรย์จากธรรมชาติ Unseen Thailand (3 วัน 2 คืน) ราคาเริ่มต้นที่ 10,300 บาท/ท่าน ซึ่งเป็นราคาที่รวม อาทิ บัตรโดยสาร ภาษีสนามบิน ที่พัก ไว้แล้ว ทั้งหมดนี้ มาพร้อมกับการบริการแบบฟูลเซอร์วิส ฟรีน้ำหนักกระเป๋าถึง 20 กิโลกรัม บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน อีกทั้งยังสามารถนำใบเสร็จมาใช้ในการลดหยอดภาษีได้เช่นกัน สำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2561 เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2561 สำรองที่นั่งได้ที่ ตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินไทยสมายล์ทุกแห่ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ไทยสมายล์คอลเซ็นเตอร์ 1181 หรือ โทร. 0 2118 8888
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ซึ่งมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงให้ความสำคัญกับ การส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่สร้างรายได้จำนวนมากให้กับประเทศ โดยในครั้งนี้ได้ร่วมมือกับอีก 3 องค์กรพันธมิตร ประกอบด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการในภูมิภาค โดยธนาคารกรุงไทยจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการชำระเงิน ซึ่งจะเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ แหล่งท่องเที่ยว อาทิ การติดตั้งเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) การชำระเงินผ่าน QR Code รวมถึงแอปฯ เป๋าตุงที่ถูกพัฒนามาสำหรับร้านค้าโดยเฉพาะ โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยาย QR Code ตามแหล่งท่องเที่ยว ชุมชน ตลาดนัด ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วทั้ง 55 จังหวัดเมืองรอง โดยเฉพาะเส้นทางตามแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน”นี้
นอกจากนั้น ธนาคารเตรียมเปิดตัวแอปฯ Mobile Banking ใหม่ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าธนาคารกรุงไทย ในการใช้จ่ายและชำระค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว ผ่านตัวแทนท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ และใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเงินได้จากการท่องเที่ยวเมืองรองได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่จะได้จากความร่วมมือครั้งนี้ นอกเหนือจากการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในเมืองรองแล้ว ความร่วมมือในด้าน Data Analytics และ Big Data จะทำให้เกิดองค์ความรู้ที่จะนำไปต่อยอดเพื่อยกระดับการให้บริการและสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงรัฐบาลยังสามารถใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบายในการพัฒนาชุมชนในแต่ละจังหวัด สร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทยในอนาคตได้อีกด้วย
จากแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยังยืน” ดังกล่าว ผู้บริหารจากหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการทั้ง 4 คาดว่า จะส่งผลให้การท่องเที่ยวทั่วประเทศโดยเฉพาะใน 55 เมืองรองในช่วง 3 เดือนปลายปีคึกคักยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
———————————–