ข่าวดี!! “ดาวหางนีโอไวส์” ยังคงเฝ้าติดตามต่อไปได้ ด้วยกล้องส่องทางไกลหรือกล้องสองตา ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผย แม้ “ดาวหางนีโอไวส์” จะผ่านช่วงที่โคจรเข้าใกล้เข้าใกล้โลกที่สุดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ไปแล้ว แต่ประชาชนไทยยังสามารถเฝ้าติดตามสังเกตดาวหางผ่านกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ได้ ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ จะยังคงมองเห็น “ดาวหางนีโอไวส์” หรือดาวหาง C/2020 F3 (NEOWISE)  ผ่านกล้องส่องทางไกลหรือกล้องสองตาได้ แม้ดาวหางจะออกห่างจากโลกไปแล้ว โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการสังเกตการณ์ดาวหาง จะเริ่มตั้งแต่ช่วงวันที่ 6 – 20 สิงหาคม 2563 ดาวหางนีโอไวส์จะปรากฎในตำแหน่งที่สูงจากขอบฟ้ามากกว่า 40 องศา และจะเคลื่อนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ออกห่างจากมวลอากาศหนาแน่นบริเวณเส้นขอบฟ้า นอกจากนี้ยังทำให้มีเวลาในการสังเกตการณ์ยาวนานขึ้นกว่าช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอีกด้วย

ปัจจุบันตำแหน่งดาวหางดวงนี้ อยู่ใกล้กับบริเวณกลุ่มดาวผมเบเรนิซ (Coma Berenices) สามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ช่วงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Bootes) และกลุ่มดาวหญิงสาว (Virgo) จากข้อมูลการสังเกตการณ์ของนักดาราศาสตร์พบว่า ความสว่างของดาวหางดวงนี้ไม่ได้ลดลงดังเช่นที่คำนวณไว้ ปัจจุบันมีค่าอันดับความสว่างปรากฎ 5 (ค่าตัวเลขยิ่งน้อย ยิ่งสว่างมาก)

ดาวหางนีโอไวส์มีหางฝุ่นและหางไอออนแยกออกจากกันอย่างชัดเจน  สำหรับหางไอออนหรือหางแก๊สนั้นพบว่ามีองค์ประกอบเป็นโซเดียม คล้ายกับดาวหางชื่อดังที่พบในอดีต เช่น ดาวหางเฮล-บอปป์ (Hale–Bopp) และดาวหางไอซอน (ISON) และจากการศึกษาในย่านรังสีอินฟราเรดพบว่านิวเคลียสของดาวหาง มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 กิโลเมตร มีขนาดใกล้เคียงกับดาวหางสว่างในอดีตอย่างเช่น ดาวหางเฮียกูตาเกะ (Hyakutake) และดาวหางคาบสั้นอื่นๆ อีกหลายดวง

นายศุภฤกษ์ ยังแนะนำอีกว่า อุปกรณ์ที่เหมาะสมในการสังเกตการณ์ดาวหางนีโอไวส์ เบื้องต้นสามารถใช้กล้องสองตาหรือกล้องส่องทางไกลที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 7-10 เท่า ขนาดหน้ากล้องไม่น้อยกว่า 50 มิลลิเมตรขึ้นไป เพื่อให้มีกำลังรวมแสงที่เพียงพอต่อการสังเกตการณ์ ลักษณะภาพดาวหางเมื่อมองผ่านกล้องสองตากำลังขยาย 7 เท่า จะสามารถสังเกตเห็นหัวดาวหาง ส่วนของโคมาและหางฝุ่นทอดเป็นแนวยาวออกไป แต่ในส่วนของหางแก๊สจะไม่สามารถสังเห็นด้วยตาเปล่าได้

สำหรับสถานที่สังเกตดาวหาง ควรเป็นสถานที่ที่ฟ้าใส ไม่มีเมฆบดบัง เป็นพื้นที่ค่อนข้างสูง มีมุมมองเปิดกว้างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยสามารถเริ่มสังเกตเห็นดาวหางได้ชัดเจนในช่วงเวลาประมาณ 20:00 น. เป็นต้นไป นับเป็นโอกาสที่ดีอีกครั้ง จึงขอเชิญชวนประชาชนไทยเฝ้าติดตามชม “ดาวหางนีโอไวส์” ในวันและเวลาดังกล่าว นายศุภฤกษ์ กล่าวปิดท้าย

…………………………………………………