อย. ย้ำ ห้ามร้านสะดวกซื้อจําหน่ายยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์ ขณะที่ร้านขายยาต่าง ๆ ต้องควบคุมการขายยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์ในสูตรตํารับแก่เฉพาะผู้ป่วยที่มีความจําเป็น ฝ่าฝืนมีโทษทั้งทางอาญาและทางจรรยาบรรณวิชาชีพ เผยเตรียมร่วมกับภาควิชาการให้คําแนะนําการพัฒนาสูตรตํารับที่ลดแอลกอฮอล์ลง แต่ยังคงประสิทธิภาพ เตือนผู้บริโภคหากรับประทานผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรโบราณผิดวิธี อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวพบปัญหาการแพร่ระบาดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รูปแบบใหม่ในหมู่วัยรุ่นและเยาวชน ที่มีลักษณะคล้ายเหล้าปั่น โดยใช้ส่วนผสมของยาบํารุงกําลังที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจัดอยู่ในประเภท “ยาสมุนไพรโบราณ” แต่ด้วยสูตรยาดังกล่าวบางยี่ห้อที่มีอยู่ในท้องตลาดมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงถึง 16% นั้น สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ในตํารับยาแผนไทยอาจจะมี แอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบในหลายวัตถุประสงค์ เช่น ใช้สกัดสารออกฤทธิ์ทางยาจากสมุนไพรต่าง ๆ หรือช่วยป้องกันการบูดเสียของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ อย. ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจําบ้านแผนโบราณ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 ให้ยาแผนโบราณที่เป็นยาสามัญประจําบ้าน ซึ่งจําหน่ายได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ ต้องไม่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2552 เป็นต้นมา แต่ปัจจุบันยังพบปัญหาการจําหน่ายยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์ในสูตรตํารับในร้านสะดวกซื้อที่รั่วไหลมาจากร้านขายยา อย. จึงขอเตือนร้านขายยาประเภทต่าง ๆ ต้องควบคุมการขายยาแผนโบราณที่มีแอลกอฮอล์ในสูตรตํารับ ให้ใช้สําหรับผู้ป่วยที่มีความจําเป็นทางการแพทย์เท่านั้น โดยการจําหน่ายยาแผนโบราณจะต้องมีใบอนุญาต ขณะที่ยาแผนโบราณที่ไม่มีแอลกอฮอล์สามารถจําหน่ายตามร้านสะดวกซื้อได้ แต่ต้องได้รับการรับรองตามประกาศกฎกระทรวงว่าเป็น “ยาสามัญประจําบ้าน” เท่านั้น ซึ่งหากละเลยการปฏิบัติจะมีโทษทั้งทางอาญาและทางจรรยาบรรณวิชาชีพ
อย่างไรก็ดี นอกจากมาตรการควบคุมการกระจายยาแล้ว อย. ยังมุ่งแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยร่วมกับ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโครงการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สวทช. จัดให้มีการ ให้คําแนะนําด้านวิชาการ เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการพัฒนาสูตรตํารับให้สามารถลดหรือจํากัดปริมาณ แอลกอฮอล์ลง โดยยังคงประสิทธิภาพ คุณภาพ ความปลอดภัยไว้ ไม่ให้กระทบต่อภูมิปัญญาดั้งเดิมที่มีคุณค่า
นพ.สุรโชค กล่าวในตอนท้ายว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรโบราณ ต้องรับประทานตามข้อบ่งใช้ และวิธีรับประทานที่ปรากฏบนฉลาก และเอกสารกํากับผลิตภัณฑ์ ไม่ใช้ในลักษณะของการเป็นเครื่องดื่มในปริมาณที่มากเกินกว่ากําหนด หรือใช้ไปในทางที่ไม่เหมาะสม มอมเมาเยาวชน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นปัญหาสังคมตามมา หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย.1556 หรือผ่านทาง Oryor Smart Application หรือสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
……………………………………………………………..