อธิบดีกรม สบส.นำทีมเจ้าหน้าที่รุดตรวจคลินิก 18 แห่ง คลายปมเบิกจ่ายค่ารักษาเท็จ

อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นำทีมพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ รุดตรวจสอบข้อเท็จจริงการเบิกจ่ายเงินบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ในคลินิก 18 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานคร มุ่งรักษาผลประโยชน์ประชาชน ตัดตอนขบวนการทุจริตจากกรณี ที่มีการร้องเรียนการเบิกจ่ายเงินบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้กับสถานพยาบาลในการลงพื้นที่ชุมชนตรวจหาโรคเรื้อรัง แต่กลับมีสถานพยาบาลเอกชนบางแห่งทำการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทั้งที่ไม่ได้มีการตรวจโรคแก่ประชาชนนั้น

บ่ายวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดก็ไม่รอช้าสั่งการให้กรม สบส. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที โดยในวันนี้ตนได้นำทีมพนักงานเจ้าหน้าที่จากกองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรม สบส.เข้าตรวจสอบการดำเนินการของสถานพยาบาลที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมกันทั้ง 18 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อขจัดกระบวนการทุจริตการเบิกจ่ายงบของรัฐ และรักษาผลประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ จะมีการเก็บข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องของคลินิก และตรวจสอบเอกสารทางการแพทย์อย่างละเอียด เพื่อส่งข้อมูลให้แก่พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ได้กล่าวว่า หากผลการตรวจสอบพบว่า คลินิกมีการทุจริตเบิกจ่ายงบประมาณโดยไม่มีการตรวจลงพื้นที่ให้บริการตรวจสุขภาพแก่ประชาชนจริง หรือลงประวัติข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเพื่อให้เข้าเกณฑ์การตรวจ กรม สบส.จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ในฐานที่ผู้รับอนุญาต ผู้ดำเนินการ ผู้ประกอบวิชาชีพ หรือเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาล จัดทำหรือยินยอมให้ผู้อื่นจัดทำหลักฐานเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการเอกสารแสดงการตรวจโรค เอกสารแสดงผลการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาล หรือเอกสารกรณีอื่นอันเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรม สบส.อาจจะมีคำสั่งปิดสถานพยาบาลหากพบการกระทำการหรือละเว้นกระทำการอย่างใดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตราย ความเสียหายหรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่ผู้ที่อยู่ในสถานพยาบาล หรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานพยาบาลอีกด้วย

**************** 4 กรกฎาคม 2563