ช่วงนี้ต้องพูดถึง หน้ากากอนามัย กันให้ละเอียดกันหน่อย ทั้งนี้ เพื่อเป็นความรู้และสามารถเลือกใช้ในยามที่รัฐบาลกำลังรณรงค์ให้มีการใส่หน้ากากอนามัยในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่เชื้อกระจายไปทั่วโลกในเวลานี้ และแนวโน้มยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงประเทศไทยที่แม้ว่าจะสามารถลดการแพร่เชื้อได้ในระดับที่ดีมากของโลก แต่ในความจริงเชื้อโควิด-19 มันจะแพร่เชื้อได้ทุกนาทีที่เราละเลยในการปฏิบัติตนเอง โดยเฉพาะการใส่หน้ากากอนามัย
หน้ากากอนามัยที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกในปัจจุบันประกอบด้วย 6 มาตรฐาน ได้แก่
1.มาตรฐานNIOSHจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่รู้จักกัน คือ N95
2.มาตรฐานจากยุโรปคือมาตรฐาน EN หรือ FFP2
3.มาตรฐาน GB หรือเรียกติดปากว่า KN95 เป็นมาตรฐานที่นิยมกันมาก ซึ่งเป็นมาตรฐานจากประเทศจีน
4.เป็นหน้ากากมาตรฐานจากประเทศออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์เรียกว่ามาตรฐาน AS/NZS หรือ P2 ส่วนอีก 2 มาตรฐาน เป็นของประเทศเกาหลีที่เรียกว่ามาตรฐาน KMOEL และสุดท้ายมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น คือมาตรฐาน JMHLW หรือ DS2
ล่าสุดทางมูลนิธิเมาไม่ขับ โดยนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ร่วมกับบริษัทสวิตต์ ไดมอนด์ จำกัด เปิดตัวหน้ากากอนามัยมาตรฐานชนิด KN95 ซึ่งเป็นนวัตกรรมคุณภาพมาตรฐานจากประเทศจีน โดยมาตรฐานนี้ได้มีการผลิตอยู่ 2 แบบด้วยกัน
แบบที่1 จะเป็นชนิดที่ประกอบด้วยวัสดุป้องกันถึง4ชั้นด้วยกันคือ ชั้นที่1เรียกว่าSpunbond nonworen febric เป็นที่นิยมนำไปใช้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และสินค้าที่เกี่ยวกับสุขอนามัย คุณสมบัติที่เด่นชัด ยืดได้หดได้ไม่ดูดซึมน้ำ ไม่มีฝุ่นละออง ไม่มีสารพิษ ปลอดแบคทีเรีย โดยมีการค้นคว้าว่าเชื้อโรคไม่สามารถเติบโตในผ้านี้ได้แล้ว เป็นผ้าที่แข็งแรงทนทาน ฉีกขาดยาก รับน้ำหนักดี ไม่ยับง่าย ย่อยสลายทางธรรมชาติได้เร็ว สะอาดปลอดภัย ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
ชั้นที่2 Hot air cotton non woren febric มีคุณสมบัติคืออ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นดี มีการดูดซับความชื้นที่ดี และมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ทนต่อกรดและด่างได้ดี ไม่มีผลข้างเคียงทางสารเคมี ติดไฟยากเมื่อโดนความร้อนไม่หลอมละลายเป็นของเหลว ชั้นที่3 Melt blown non woren febricจะมีคุณสมบัติ อ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น ทนต่อสารเคมี และยังกระจายของเหลวบนพื้นผิวได้ดี ของเหลวซึมผ่านได้ยากเป็นชั้นกรองที่ดี และชั้นที่4 Spunbond non woren hydrophilicจะคล้ายกับแบบที่1 แต่จะดูดซับของเหลวและกันความชื้นได้ดี
แบบที่ 2 หน้ากากอนามัยเยื่อกระดาษ 3 ชั้น เป็นหน้ากากอนามัยชนิดเยื่อกระดาษ 3 ชั้น ถูกผลิตจากเยื่อกระดาษและตัวกรองที่มีคุณภาพทำให้คุณสมบัติสามารถกรองอนุภาคหรือเชื้อโรคขนาด 3 ไมครอน ที่แพร่กระจายผ่านการไอหรือจาม เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัสบางชนิดได้
นายสุเฑพ ศิลปะงาม ที่ปรึกษาบริษัทสวิตต์ไดมอนด์ เปิดเผยว่า ความต้องการหน้ากากอนามัยจะมีอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดโลกและตลาดในประเทศไทย เพราะแม้สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลง แต่ในเรื่องปัญหามลพิษทางอากาศ กระแสรักษ์สุขภาพ และแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยด้านระบบทางเดินหายใจจะมีมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุน
ความต้องการหน้ากากอนามัยของไทยและตลาดโลกในอนาคต ข้อมูลจาก WTO มลพิษทางอากาศได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 7 ล้านคนต่อปี จากการสะสมและสูดอากาศพิษเข้าไปในร่างกายและมีผู้ป่วยราว 334 ล้านคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบ หืด ปอดอักเสบ ซึ่งองค์การค้าโลกได้แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจได้ รวมถึงประเทศไทยเองยังสู้กับมลพิษขนาดเล็กพีเอ็ม 2.5 ที่มีความรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตและสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนนั่นเอง
……………………………………………………………………………..