รมว.พม. ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพัก ร่วมหาแนวทางป้องกันและช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาจากโรคโควิด-19 

วันที่ 15 มิ.ย. 2563 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพัก ครั้งที่ 1/2563 โดยมีนางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวง พม. คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 8 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบข้อคิดเห็นของ รมว.พม. ที่มีต่อแนวทางการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างการศึกษา โดยรัฐมีหน้าที่ในการกำกับ สนับสนุน และส่งเสริมการประกอบกิจการที่ยึดเป้าหมายและประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้บริการเป็นลำดับแรก อีกทั้งมีข้อสั่งการ ดังนี้

1.ให้มีการทบทวนพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ.2558 โดยพิจารณาตามหลักความจำเป็นในการมีกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทของสังคม

2.เร่งรัดให้มีการเตรียมความพร้อมของหอพักที่อยู่ในกำกับของพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558 ในการเปิดภาคเรียน ซึ่งจะทำให้มีนักเรียน นักศึกษากลับมาพักอาศัยในหอพัก ซึ่งจำเป็นต้องมีแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในหอพักสถานศึกษาและหอพักเอกชน

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับหอพักสถานศึกษาและหอพักเอกชน โดยเห็นชอบให้ขอความอนุเคราะห์ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ดังนี้

1) พิจารณานำแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับหอพักสถานศึกษาและหอพักเอกชน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนที่อยู่ในหอพักสถานศึกษา และหอพักเอกชนที่อยู่ในกำกับของพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558

2) ให้ ศบค.จังหวัด และ ศบค.กรุงเทพมหานคร กำกับ ดูแล และติดตามให้ผู้ประกอบกิจการ ผู้จัดการหอพัก ผู้พัก (นักเรียน นักศึกษา) และผู้ปกครอง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติดังกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้มีการรวบรวมข้อมูลมาตรการการช่วยเหลือผู้พักของสถานศึกษาของรัฐและเอกชน เพื่อใช้ในการกำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้พักที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

…………………………………………………………………..