รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงข่าวการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายวิทยา ยาม่วง ประธานกรรมการและคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ร่วมแถลงข่าวการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในวันที่ 8 มิถุนายน 2563 ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้เห็นชอบหลักการการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. โดยมีกรอบการดำเนินการครอบคลุมทั้งการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ การลดภาระต้นทุนในการดูแล การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ การปรับปรุงเส้นทางเดินรถไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน การเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้า เรือ เป็นต้น การพัฒนาพื้นที่เชิงธุรกิจโดยดึงภาคเอกชนร่วมลงทุน โดยมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแผนฟื้นฟูฯ และการบริหารจัดการหนี้อย่างละเอียด ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. มีเป้าหมายดังนี้

1.เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน

1.1 การจัดเก็บค่าโดยสาร 30 บาท/คน/วัน (ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว) รถใหม่ปัจจุบันจัดเก็บ 15 – 20 – 25 บาท/คน/เที่ยว

1.2 การออกบัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเติมเงินปกติ 30 บาท/คน/วัน บัตรผู้สูงอายุ 15 บาท/คน/วัน (ลด 50%) บัตรรายเที่ยว 15 บาท/เที่ยว บัตรรายเดือน (นักเรียน นักศึกษา 630 บาท/เดือน 21 บาท/วัน) บุคคลทั่วไป 720 บาท/เดือน 24 บาท/วัน

2.เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด

2.1 เส้นทางเดินรถที่ไม่ทับซ้อน จำนวน 108 เส้นทางของ ขสมก. จำนวน 54 เส้นทาง ของเอกชน

2.2 บัสเลน จัดช่องทางการเดินรถเฉพาะรถโดยสารประจำทาง กำหนดเส้นทางที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพตั้งแต่ 6 ช่องจราจรขึ้นไป

2.3 ความถี่ในการปล่อยรถ โดยเฉลี่ย 5 – 10 นาที/เที่ยว

3.เพื่อลดมลภาวะและส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย ใช้รถ NGV และรถ EV ที่ประกอบในประเทศไทย มีสัดส่วนของมูลค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศไทย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด และเป็นรถชานต่ำที่เป็น UNIVERSAL DESIGN และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4.เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ ขสมก. อย่างยั่งยืน EBITDA เป็นบวกในปี 2572 (จากการดำเนินงาน) ปัจจุบัน รถ : พนักงาน = 1 : 4.65 ลดลงเป็น 1 : 2.75

5.เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อภาครัฐ โดย ขสมก. จะขอรับเงินสนับสนุน (PSO) ระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2565 – 2571 รวมเป็นเงินประมาณ 9,674 ล้านบาท และตั้งแต่ปี 2572 จะมีผลการดำเนินงานเพียงพอกับรายจ่าย (EBITDA ไม่ติดลบ) ซึ่ง ขสมก. สามารถเลี้ยงตัวเองได้ไม่เป็นภาระต่อภาครัฐในอนาคต

สำหรับการพัฒนาพื้นที่เชิงธุรกิจ จะดำเนินการพัฒนาพื้นที่อู่บางเขน เนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 93 ตารางวา และอู่มีนบุรี เนื้อที่ 10 ไร่ 28 ตารางวา

ทั้งนี้ การปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ยึดหลักการสำคัญโดยมุ่งเน้นประชาชนเป็นหลัก ลดภาระค่าครองชีพและสร้างความพึงพอใจในการใช้บริการ สามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้ บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด เชื่อมโยงระบบคมนาคมทั้ง รถ ราง เรือ และสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชนมากยิ่งขึ้น

………………………………………………