ในปีที่ผ่านมา โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชา เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” ได้ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ดังนั้นในปี 2561 นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ต่อยอดเพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเผยแพร่ศาสตร์แห่งองค์ราชา “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” สู่สากล กับโครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” โดยโครงการนี้จะเป็นการน้อมนำศาสตร์ของพระราชา และการบูรณาการกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว รวมถึงการเดินทางสู่เมืองรอง
โดยโครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว ได้รับความร่วมมือจากคณะเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ กว่า 25 ประเทศ ในการตอบรับคำเชิญ ในการลงพื้นที่สัมผัสเส้นทางท่องเที่ยว พร้อมๆ กับการเรียนรู้ โดยเส้นทางท่องเที่ยวแต่ละเส้นทางนั้นคณะทูตจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิ ศาสตร์ของสมุนไพร การเกษตรกรรม การนวดแบบโบราณ ตลอดจนการสวมชุดไทย เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมไทยโบราณแบบถึงแก่น
สำหรับเส้นทางของโครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว ประกอบด้วย 5 เส้นทาง คือ โครงการ 1 ไร่แก้จน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ในศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนทหารบก จ.ราชบุรี – ชุมชนบ้านศาลาดิน จ.นครปฐม, โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย – ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์, โครงการศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ – ชุมชนปากน้ำประแส จ. ระยอง, โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง – ชุมชนบ้านแหลม จ.นครศรีธรรมราช และโครงการเกษตรวิชญา – ชุมชนบ้านไร่กองขิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงทั้งทางด้านพื้นที่ตามโครงการพระราชดำริ และการน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง
โครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว จะเริ่มเส้นทางที่สอง คือ โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย-ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ ระยะเวลา 2 วัน ในวันแรกคณะทูตจะได้เยี่ยมชมวนอุทยานเขากระโดง สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ ต่อด้วยโครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย อำเภอละหานทราย ชมพื้นที่อ่างเก็บน้ำ และเรียนรู้แปลงเกษตรพอเพียง วันที่สองจะเริ่มด้วยการเดินทางสู่ชุมชนบ้านโคกเมือง ชมการทอผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของชุมชน และการทอเสื่อกกจากสมาชิกลุ่มคนพิการ ปิดท้ายด้วยการแวะชมปราสาทหินพนมรุ้ง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากโครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชา เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมในปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้มีแนวคิดในการต่อยอดศาสตร์แห่งองค์ราชา “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” สู่สากล เพื่อเผยแพร่ศาสตร์ของพระราชา และการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยโครงการนี้คาดว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว ด้วยกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ได้ผสานวิถีชุมชน เป็นการสร้างความเข้มแข็งสู่เมืองรองในแอ่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจของคุณูปการของศาสตร์พระราชา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ”
สำหรับทูตที่เข้าร่วมในเส้นทางที่สอง โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย-ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้แก่ นางแมรี โจ เอ. แบร์นาโด-อารากน (Mrs. Mary Jo A. Bernardo-Aragon) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย, นายราดูอาน ชาโอคี (Mr. Radouane Chaouki) เลขานุการโทจากประเทศ โมร็อคโค, นายโจอาคิม อารมารัล (Mr. Joaquim Amaral) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ประจำประเทศไทย และนางสาว พนิตา จิตตานนท์ ตัวแทนท่านกงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศอาร์เมเนีย
โดยเส้นทางท่องเที่ยวทั้ง 5 เส้นทาง ที่คณะทูตจะได้ลงพื้นที่นั้น อยู่ระหว่างเดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน และจะมีการดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมติดตาม และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org/kingwisdom