วันที่ 17 พ.ค. ที่ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกฯ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย คณะ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ คณะทำงานกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ศรีอ่อน และ ทีมผู้บริหารสมาคมชาวปักษ์ใต้ เดินทางมามอบถุงยังชีพให้แก่ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จำนวน 10 ชุมชน รวม 500 ราย ในเขตตลิ่งชัน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมด้วยสมาคมชาวปักษ์ใต้ และกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้นำอาหารปรุงสุก พร้อมด้วยถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด และน้ำดื่ม มาร่วมกันบริจาคให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้ที่มารับมีทั้งคนใต้ และประชาชนในพื้นที่ ถือว่าเป็นความร่วมมือของทุกองค์กรภาคส่วน ที่เสียสละช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
“เราตั้งใจจะทำให้ประชาชน ทั้งนี้ผมมีกำหนดการที่จะไปมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนทั่วประเทศไทย เพื่อสร้างความสุขให้กับคนไทยทุกคน”
ส่วนมาตรการการเยียวยาช่วยเหลือ กลุ่มซาเล้ง ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือนั้น นายจุรินทร์ ระบุว่า กลุ่มซาเล้งถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศ ในการที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนของไทย โดยการช่วยเก็บเศษกระดาษเพื่อให้โรงงานต่าง ๆ รับไปรีไซเคิล อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ราคากระดาษตกเหลือกิโลกรัมละ 0.50 สตางค์ จนตอนนี้สามารถช่วยเหลือให้ราคาขยับมาที่กิโลกรัมละ 2-3 บาท รวมถึงการพูดคุยกับโรงงานกระดาษและโรงงานต้มกระดาษ เพื่อที่จะนำไปทำกระดาษรีไซเคิล และกล่องบรรจุหีบห่อในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ช่วยทำให้มีข้อยุติว่าต่อจากนี้ร้านรับซื้อของเก่า จะช่วยรับซื้อเศษกระดาษในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตของชาวซาเล้งดีขึ้น รวมถึงผู้ที่มีจิตกุศลได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ แจกถุงยังชีพให้กับคนกลุ่มนี้ ตนมีความตั้งใจทำการแจกให้ครบทุกพื้นที่ ทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ และรวมทั้งในภาคกลางอีกด้วย เพื่อที่จะเร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนซาเล้งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงโครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ล็อตที่ 3 ที่มีการลดราคาสินค้าสูงสุดถึงร้อยละ 68 นั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ประกอบกับวันนี้เป็นวันเเรกที่รัฐบาลได้มีการผ่อนปรนคลายล็อคให้ห้างสรรพสินค้าต่างๆกลับมาเปิดทำการได้ เชื่อว่าประชาชนจะมีโอกาสออกไปจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น เเละตนหวังว่าโครงการลดราคาช่วยประชาชน จะช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ถึงร้อยละ 60 เเละช่วยให้ประชาชนมีความสุขมากยิ่งขึ้น
“อย่างไรก็ตามก็อยากให้ประชาชนทุกคนเดินทางออกจากบ้านจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวังเเม้สถานการณ์ต่างๆจะเริ่มดีขึ้น เเต่ก็ยิ่งนิ่งนอนใจไม่ได้ ฉะนั้นเราทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในรอบที่สอง “ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยด้วยห่วงใยประชาชน
////