นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งควายกิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดโครงการสนับสนุนการกระจายผลไม้ของสถาบันเกษตรกรเพื่อรองรับผลกระทบจากโรคไวรัสโควิด – 19 พร้อมด้วยนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยกล่าวว่า การปล่อยคาราวานกระจายผลไม้ของสถาบันเกษตรกรครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงพลังในการร่วมมือร่วมใจของขบวนการสหกรณ์ที่จะช่วยกันกระจายผลไม้ของภาคตะวันออกสู่ตลาดนอกพื้นที่เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ที่ทำให้ประเทศคู่ค้างดนำเข้าหรือชะลอการนำเข้าผลไม้ของไทย ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบกลาง วงเงินกว่า 45 ล้านบาท สำหรับใช้บริหารจัดการและกระจายผลไม้ผ่านกลไกสหกรณ์ เน้นมังคุดและลำไย โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จะนำไปจัดสรรให้สหกรณ์รวบรวมผลไม้ต้นทางเป็นค่าบริหารจัดการกก.ละ 1 บาท ชดเชยค่าขนส่งกก.ละ 2 บาท และมีค่าบรรจุภัณฑ์ สำหรับจัดซื้อตระกร้าจำนวน 191,700 ใบ เพื่อขนส่งผลไม้ไปสู่ผู้บริโภคปลายทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ส่วนสหกรณ์ปลายทาง จะได้ค่าบริหารจัดการกก.ละ 50 สตางค์ เพื่อใช้เป็นค่าขนส่งค่าจ้างคนงานและจัดซื้อถุงใส่ผลไม้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้กับสหกรณ์ที่ช่วยระบายผลผลิตไปสู่ผู้บริโภคในแต่ละจังหวัดอีกด้วย
ขณะนี้มีสหกรณ์ที่รวบรวมผลไม้จากต้นทางสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 84 แห่ง ใน 18 จังหวัด และสหกรณ์ปลายทาง ส่วนใหญ่เป็นสหกรณ์ที่มีศูนย์กระจายสินค้า สหกรณ์การเกษตรขนาดใหญ่ระดับอำเภอและสหกรณ์นอกภาคการเกษตรที่มีศักยภาพในการกระจายสินค้า โดยมีเป้าหมายในการช่วยกันระบายมังคุดและลำไย รวม 11,700 ตัน แบ่งเป็นมังคุด 8,500 ตันและลำไย 3,200 ตัน
รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และไม่รอให้ปัญหาราคาตกต่ำเกิดขึ้นก่อนแล้วมาแก้ไข ฉะนั้นจะเห็นว่า ก่อนหน้านี้เมื่อไวรัสโควิด19 เริ่มระบาด ก็เกรงว่าทุเรียนจะมีปัญหา จึงได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์และรับฟังปัญหาจากสหกรณ์ชาวสวนผลไม้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและมีมาตรการให้ช่วยเหลือ เมื่อเราส่งสัญญาณว่าจะใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาช่วยระบายผลไม้สู่ตลาดภายในประเทศ ก็พบว่าพ่อค้า และล้ง เริ่มขยับมาแข่งรับซื้อ ทำให้ทุเรียนปีนี้ราคาไม่น่าห่วง เหลือที่ต้องมาช่วยกันคือมังคุด ลำไย ที่ต้องช่วยกันระบายผลผลิต จึงได้ขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีมาช่วยสนับสนุนสหกรณ์รวบรวมผลผลิตกระจายออกสู่ตลาด แต่ทั้งหมดต้องฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันบริโภคผลไม้ไทยเพื่อช่วยเกษตรกร ซึ่งราคาที่จำหน่ายจะเป็นราคายุติธรรมทั้งฝั่งเกษตรกรชาวสวนผลไม้และผู้บริโภค เพราะรัฐบาลช่วยทั้งเรื่องค่าขนส่ง ค่าเก็บรักษา การรวบรวม ค่าตะกร้า เป็นการช่วยกันทั้งหมด
“ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ติดตามสถานการณ์ผลไม้อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยสหกรณ์วางแผนระบายผลผลิต ไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในพื้นที่ เร็วๆ นี้จะต้องเฝ้าระวังผลผลิตลำไยของภาคเหนือ มังคุดทางภาคใต้ สำหรับเรื่องยางพารา เร็วๆนี้อาจมีข่าวดี โดยต้องรอกระทรวงคมนาคมที่เตรียมจะเสนอครม.เห็นชอบโครงการใช้ยางพาราเพื่อทำแบริเออร์ ซึ่งหากขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อย จะมีการร่วมมือกันระหว่างสหกรณ์ผู้แปรรูปยางพารากับกระทรวงคมนาคม เพื่อทำข้อตกลงซื้อขายกันโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้ากลาง เพื่อช่วยเหลือสหกรณ์และเกษตรกรอีกทางหนึ่ง “ รมช.เกษตรฯกล่าว
จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ปล่อยคาราวานรถบรรทุกมังคุด 32.5 ตัน จากสหกรณ์ชาวสวนผลไม้ภาคตะวันออก 6 แห่งได้แก่ สหกรณ์การเกษตรทุ่งควายกิน จำกัด สหกรณ์นิคมวังไทร จำกัด สหกรณ์นิคมชุมแสงจันทร์ จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ระยอง จำกัด จังหวัดระยอง สหกรณ์การเกษตรนายายอาม จำกัด จังหวัดจันทบุรี และสหกรณ์ส่งเสริมธุรกิจภาคเกษตร จำกัด จังหวัดตราด เพื่อนำไปส่งให้สหกรณ์ปลายทาง 13 แห่งที่อยู่ในภาคต่าง ๆ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนให้สมาชิกสหกรณ์ผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพ เพื่อผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP สำหรับการรวบรวมผลผลิต ได้ปรับปรุงอาคารรวบรวมของสหกรณ์ให้ได้มาตรฐาน GMP เพื่อเป็นสถานที่ในการรวบรวมและจำหน่ายผลผลิตของสมาชิก นอกจากนั้น ยังจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ให้สหกรณ์ได้กู้ยืมไปเป็นทุนหมุนเวียนรวบรวมผลไม้ตามฤดูกาล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้มีที่จำหน่ายผลผลิตในราคาที่เป็นธรรมอีกด้วย